นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (BBLAM) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนกองทุน JASIF ล่าสุด เป็นการเพิ่มเติมสินทรัพย์มูลค่าไม่เกิน 38,000 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนฯ รวมไม่เกิน 24,629 ล้านบาท และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่เกิน 18,160 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตร ช่วยเพิ่มศักยภาพกองทุนฯ มีทรัพย์สินครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น รับความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ก่อนเพิ่มสินทรัพย์ใหม่กองทุนฯ มีผลกำไรประมาณ 5,400 ล้านบาท และหลังจากเพิ่มสินทรัพย์ทำให้ผลกำไรของกองทุนฯ จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 8,300 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนอัตราเงินปันผลหลังเพิ่มทุนนักลงทุนมีโอกาสรับเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 11.5% ในปี 2563 จากเดิมกองทุนมีผลตอบแทนและส่วนลดทุนประมาณ 8-9% ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน หรือตอบแทนต่อหน่วยกรณี JASIF ไม่เพิ่มทุนอยู่ที่ 0.99 บาทต่อหน่วย แต่กรณี JASIF เพิ่มทุนแล้วขยับเป็น 1.04 บาทต่อหน่วย
ในวันที่ 7-13 พ.ย.นี้ กองทุนฯ เปิดให้ผู้ถือหน่วยเดิมซื้อจองหน่วยลงทุนใหม่ที่ราคาหน่วยละ 9 บาท กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิที่ 2.2 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ทั้งนี้ กองทุนฯ เพิ่มทุนแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 2562 นี้ แล้วหลังจากนั้นกองทุนก็จะนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยใหม่และสินเชื่อจากธนาคารที่กู้ยืมมานำไปจ่ายค่าสินทรัพย์ของทาง JAS สำหรับวงเงินกู้กองทุนฯ ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เพียงรายเดียว เนื่องจากเป็นเงินก้อนใหญ่
"มั่นใจว่าผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่ได้รับสิทธิ พร้อมจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ ซึ่งการกำหนดราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดถือเป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิม และเท่าที่ออกโรดโชว์สถาบันไทยและต่างชาติเองก็ให้ความสนใจและแสดงความต้องการจองซื้อเกินกว่าสิทธิเดิมที่มีอยู่ นอกจากนี้ นอกจากนี้ JAS ก็พร้อมที่จะเพิ่มการถือหน่วยมากกว่าสัดส่วนเดิมที่ถืออยู่ด้วยเช่นกัน"
นายพรชลิตกล่าวว่า สำหรับระยะเวลาการกู้ยืมเงินกับธนาคารกรุงเทพในปัจจุบัน คือ 10 ปี 5เดือน ทั้งนี้ กองทุนฯ มีเป้าหมายชำระหนี้พร้อมเงินต้นและดอกเบี้ยให้หมดภายในระยะเวลาการกู้ยืมเงินดังกล่าว ทำให้หลังจากพ้นภาระหนี้แล้วกองทุนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และกองทุนฯ คำนวณแล้วว่าการกู้ยืมเงินจากธนาคารทำให้ต้นทุนกองทุนฯ ลดลง และในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ และมีส่วนทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลเพิ่มขึ้น
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่ง นายพิชญ์ โพธารามิก และผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นกรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่กระทบกองทุน JASIF รวมถึงการเพิ่มทุนล่าสุดด้วย เนื่องจากกองทุนฯ ซื้อสินทรัพย์ของ JAS ไม่ได้เป็นการซื้อหุ้น JAS และ JAS ไม่ได้นำหุ้นมาจำนำกับกองทุนแต่อย่างใด และการเอาผิดจาก ก.ล.ต.ไม่ได้เพิ่งสอบสวนแต่มีการสืบสวนมานาน ทำให้กรณีที่เกิดขึ้นไม่มีความสัมพันธ์กับกองทุน JASIF แต่อย่างใด
ส่วนราคาหุ้น JASIF ปรับตัวลงเป็นผลมาจากภาวะตลาดโดยรวมปรับลดลงเป็นหลัก ส่วนที่ทางกองทุน JASIF กำหนดราคาเพิ่มทุนใหม่ที่หน่วยละ 9 บาท เนื่องจากกองทุนฯ อยากให้ผู้ถือหน่วยเดิมเข้ามาลงทุนได้มากที่สุด เพื่อสร้างโอกาสให้นักลงทุนรับผลตอบแทนจากอัตราเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในภาวะอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับไปอีก 1-2 ปี การลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) จึงตอบโจทย์นักลงทุนที่ชอบปันผล