TFI เจรจาเจ้าหนี้แบงก์เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ หลังถูกเรียกให้ชำระหนี้พร้อม ดบ.รวม 1.04 พันล้านบาท ด้านตลาดหลักทรัพยฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลการถูกเรียกชำระหนี้ของ TFI ด้วยความระมัดระวังก่อนตัดสินใจลงทุน
บมจ.ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ (TFI) แจ้งว่า บริษัทได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ปฏิบัติตามข้อตกลงและให้ชำระหนี้จากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ฉบับลงวันที่ 16 ตุลาคม 2562 โดยเรียกให้บริษัทดำเนินการลงนามในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 หรือให้ชำระหนี้คงค้างชำระภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยบริษัทมีภาระหนี้เงินต้นดังกล่าวจำนวนรวม 763,985,655.76 บาท ภาระดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดชำระ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 คำนวณโดยธนาคารเป็นจำนวนรวม 277,810,980.49 บาท ภาระหนี้รวม 1,041,796,636.25 บาท โดยขนาดของรายการคิดเป็น 64.48% ของสินทรัพย์รวม ตามงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบริษัทจะไปเจรจากับธนาคาร และแจ้งความคืบหน้าการทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562
ส่วนความคืบหน้ากรณีการผิดนัดชำระเจ้าหนี้การค้าต่างประเทศ ตามข้อพิพาทกับผู้จำหน่ายวัตถุดิบเม็ดพลาสติกต่างประเทศรายหนึ่งได้ยื่นฟ้องคดีล้มละลายต่อบริษัท ด้วยมูลหนี้ฟ้องจำนวน 83,918,762 บาทนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ยในศาลฯ
สำหรับผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท จากการถูกเรียกชำระหนี้ทั้ง 2 กรณีดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้นจากยอดดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น เมื่อคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจากยอดดอกเบี้ยอัตราผิดนัดชำระค้างจ่าย และส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทไม่มีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่น และหนี้ที่เหลือเป็นเจ้าหนี้การค้าอื่นประมาณ 100 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562) ซึ่งบริษัทยังคงชำระหนี้ได้ตามปกติ โดยไม่มีผลกระทบด้าน Cross Default กับเจ้าหนี้รายอื่น สำหรับแนวทางในการจัดหาแหล่งเงินเพื่อนำมาชำระหนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลการถูกเรียกชำระหนี้ของ TFI ด้วยความระมัดระวังก่อนตัดสินใจลงทุน หลังบริษัทเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการถูกเรียกชำระหนี้ โดยบริษัทถูกเรียกชำระหนี้รวม 1,041.79 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะไปเจรจากับธนาคารและจะแจ้งความคืบหน้าการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ต่อไปภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562
นอกจากนี้ บริษัทผิดนัดชำระเจ้าหนี้การค้าต่างประเทศ ซึ่งได้ยื่นฟ้องล้มละลายต่อบริษัทมูลฟ้อง 83.92 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ยในศาล ขณะที่บริษัทไม่มีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นโดยหนี้ที่เหลือเป็นเจ้าหนี้การค้า 100 ล้านบาท โดยไม่มีผลกระทบด้าน Cross Default กับเจ้าหนี้รายอื่น
ขณะเดียวกัน บริษัทได้หยุดการผลิตทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงสายการผลิตระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตประมาณไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 และในช่วงหยุดการผลิตบริษัทยังคงมีรายได้จากการขายสินค้าคงเหลือ