xs
xsm
sm
md
lg

“ไลบรารี่”ฝ่ามรสุมอสังหาฯทรุดเปิดตัวบ้านหรูโนเวล เรสซิเดนซ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศุภกิจ รวีอร่ามวงค์
ไลบรารี่ ฝ่ามรสุมตลาดอสังหาฯชะลอตัว เน้นลงทุนโครงการทำเลใกล้รถไฟฟ้า ขนาดเล็ก ปิดการขายเร็ว เจาะตลาดเฉพาะล่าสุด เปิดตัวโนเวล เรสซิเดนซ์ ลาดพร้าว 18 ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่งราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท

นายศุภกิจ รวีอร่ามวงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลบรารี่ เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดอสังหาฯจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากมองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยและกำลังซื้อยังมี แต่ต้องพัฒนาโครงการที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง สินค้าตรงกับความต้องการของลูกค้าในย่านนั้นๆ ซึ่งการพัฒนาโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก และปรับเปลี่ยนสินค้า เซกเมนท์ไปตามกำลังซื้อถือเป็นจุดเด่นของบริษัท

ทั้งนี้บริษัทเปิดดำเนินงานมาแล้ว 6 ปี โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาแล้ว 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low rise 60% และโครงการแนวราบที่เป็นทาวน์เฮาส์ และโฮมออฟฟิศ 40% ซึ่งการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาถึงปัจจุบันจะเป็นรูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตรที่เป็นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยที่บริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า 50% เพื่อให้มีอำนาจในการบริหารการพัฒนาโครงการได้อย่างเต็มที่

ขณะที่แหล่งเงินทุนของบริษัทในปัจจุบันจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท พันธมิตร และเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ซึ่งการบริหารด้านการเงินของบริษัทจะเน้นไปที่การบริหารด้านความเสี่ยงเป็นหลัก โดยเฉพาะการรักษาสภาพคล่องของบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ไปต่อได้ เพราะการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่จะต้องนำเงินลงทุนออกไปมากในช่วงการพัฒนาและต้องใช้ระยะเวลาในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ทำให้จะต้องมีการประเมินความเสี่ยงในการพัฒนาแต่ละโครงการอย่างรอบคอบ พร้อมกับประเมินระยะเวลาที่บริษัทจะได้รับผลตอบแทนกลับมาจากการพัฒนาโครงการควบคู่กัน โดยที่การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low rise จะใช้ระยะเวลาตั้งแต่การเริ่มโครงการไปจนถึงการโอนประมาณ 2 ปี
โนเวล เรสซิเดนซ์ ลาดพร้าว 18
ส่วนเป้าหมายยอดขายของบริษัทในช่วง 2 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 65 ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นแตะ 1,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่ 500 ล้านบาท โดยที่จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ 2-3 โครงการ/ปี ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบ มูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท/ปี หรือ 200-500 ล้านบาท/โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรเป็นหลัก โดยจะทำให้ยอดขายและผลการดำเนินงานของบริษัทสามารถเติบโตได้ 20% ต่อปี

สำหรับแผนลงทุนบริษัทจะซื้อที่ดินรอการพัฒนาปีละ 2-3 แปลง ซึ่งจะใช้งบซื้อที่ดินประมาณ 100-150 ล้านบาท โดยจะเน้นการซื้อที่ดินในทำเลที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วห่างไม่เกิน 500 เมตร เพื่อนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนโครงการแนวราบจะเริ่มหันมาเน้นการมองหาซื้อที่ดินทางกรุงเทพฯโซนเหนือ ที่บริษัทมีความสนใจเข้าไปรุกทำเลใหม่ๆที่มีศักยภาพ หลังจากที่บริษัทบริษัทได้พัฒนาโครงการแนวราบ The Commerce ประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์ ซึ่งเป็นทำเลกรุงเทพฯตะวันออกเฉียงใต้ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ยังการปรับแบรนด์ในการพัฒนาโครงการให้มีความสอดคล้องกับลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนในการสื่อสารและเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย โดยจะมีทั้งหมด 6 แบรนด์ ได้แก่ GEO จะเป็นโครงการระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนเริ่มทำงาน อยู่ใกล้รถไฟฟ้า, PHILO จะเป็นโครงการระดับราคา 3-4 ล้านบาท ที่จะเป็นทำเลที่ติดรถไฟฟ้า เดินทางสะดวกมากขึ้น, NOVEL โครงการระดับราคา 10 ล้านบาท อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง The Commerce เป็นโครงการเชิงพาณิชย์ ที่เป็นอาคารพาณิชย์และ Shophouse และแบรนด์ใหม่ HISTORY ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเป็นโครงการระดับพรีเมียม Flagship ของบริษัท ซึ่งจะมีการเปิดตัวในอนาคต

สำหรับในปี 2562 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการตามแผนที่วางไว้ โดยแต่ละโครงการมีจุดเด่นที่ชัดเจนและแตกต่าง รวมถึงยังสะท้อนถึงการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ ของคนเมืองอีกด้วย คือ โครงการเดอะคอมเมิร์ซ ประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์ (The Commerce Prachauthit - Suksawat) เป็นโครงการประเภทอาคารพาณิชย์และโฮมออฟฟิศ จำนวน 41 ยูนิต มูลค่ารวม 225 ล้านบาท, โครงการ ฟิโล เอกมัย 6 (Philo Ekkamai6) เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 78 ยูนิต มูลค่ารวม 365 ล้านบาท และล่าสุดเปิดตัว โครงการโนเวล เรสซิเดนซ์ ลาดพร้าว 18 (Novel Residence Ladprao 18) จำนวน 16 ยูนิต มูลค่ารวม 320 ล้านบาท โดยกำหนดเปิดตัว โครงการด้วยการจัดงาน VVIP DAYในวันที่ 9 พ.ย. 2562 นี้

ล่าสุดเปิดตัว โครงการโนเวล เรสซิเดนซ์ ลาดพร้าว 18 บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านแฝดและทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง สามารถจอดรถได้ถึง 4 คัน จำนวน 16 ยูนิต บนเนื้อที่ 30 - 57 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย เริ่มต้น 350 - 400 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น16 ล้านบาทขึ้นไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ มีระบบรักษาความปลอดภัย รวมทั้งกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คาดว่าเริ่มก่อสร้างประมาณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ ปี 2564

นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า บริษัทได้เตรียมวางแผนเปิดตัวอีก 2 - 3 โครงการใหม่ โดยตั้งเป้าขยายมูลค่าโครงการถึง 1,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจ สู่รูปแบบธุรกิจภาคบริการ เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และกลุ่มโรงแรมนานาชาติ และในขณะเดียวกัน ก็มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในอีก 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ในปี 2562 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 400 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 20 % ต่อปี และปัจจุบันมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) อยู่ที่ 150 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรีลมเจรจากับพันธมิตรใหม่จากมาเลเซีย ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพในมาเลเซีย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการใหม่ในประเทศไทยในอนาคต หลังจากที่บริษัทมีพันธมิตรจากสิงคโปร์เป็นพันธมิตรหลักที่ร่วมลงทุน






กำลังโหลดความคิดเห็น