xs
xsm
sm
md
lg

“บีอีซี เวิลด์”ขาดทุนเพิ่ม 375ล. ลูก"ประวิทย์"ลาออกกรรมการบริษัท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ช่อง 3 ยังวิกฤตแม้จะได้รับอานิสงส์กระแสละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ไตรมาสแรก ปี 61 บมจ. บีอีซี เวิลด์ ขาดทุนสุทธิกว่า 125 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเกือบ 375 ล้านบาท หรือกว่า 150% หลังจากรายได้หลักจากการโฆษณายังทรุดตัวจากปีก่อน 21% แม้จะเริ่มกระเตื้องขึ้นจากไตรมาส 4/60 เล็กน้อย ขณะที่ “วรวรรธน์ มาลีนนท์” ลูกชาย "ประวิทย์"ประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท หลังขายหุ้นBECหมดหน้าตักเมื่อปลายก.พ.

นายพิริยดิส ชูพึ่งอาตม์ หัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานการเงินและบัญชี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC แจ้งผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 125.99 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 249.00 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 374.99 ล้านบาท คิดเป็น 150.60%

ทั้งนี้ ไตรมาส 1/61 กลุ่ม BEC มีรายได้จากการขายเวลาโฆษณาอยู่ที่ 2,157.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/60 ประมาณ 13.7% แต่ลดลง 21.2% จาก Q1/60 โดยรายได้หลักจากการขายเวลาโฆษณายังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ “ช่อง 3” อย่างไรก็ตามรายได้ของช่องดิจิทัลสองช่อง (ช่อง 28 และช่อง 13) ในไตรมำสที่ 1/2561 ได้มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจำกไตรมาสที่ 4/2560

รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์ และบริการอื่นในไตรมาสที่ 1/2561 อยู่ที่ 173.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.6% จาก Q4/60 ที่ 118.4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 9.5% จาก Q1/60 โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจออนไลน์ที่ได้แรงส่งจากกระแสของละคร บุพเพสันนิวาส ผ่านแพลตฟอร์ม Mello และแพลตฟอร์มพันธมิตร

ส่วนรายได้จากการจัดคอนเสริ์ตและการแสดง Q1/61 อยู่ที่71.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214.2% จาก Q4/60 และเพิ่มขึ้น 9.4% จาก Q1/60 โดยที่กิจกรรม และรับจ้างจัดคอนเสิร์ตในไตรมาสนี้อได้แก่ Disney On Ice, Ninja Exhibition, Imagine Dragons, และ Russell Peters เป็นต้น

ทั้งนี้ รายได้รวมของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 2,420.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จาก Q4/60 ที่ 2,060.2 ล้านบาท แต่ลดลง 18.9% จาก Q1/60 ที่ 2,983.3 ล้านบาท โดยที่รายได้จากการขายเวลาโฆษณายังคงเป็นรายได้หลัก อยู่ที่ประมาณ 90% ของรายได้รวมทั้งหมด

ด้านค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม BEC ใน Q1/61 อยู่ที่ 2,110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จาก Q4/60 แต่ลดลง 4.3% จาก Q1/60 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากต้นทุนรายการที่เพิ่มขึ้น โดยประมาณ 64% ของค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม BEC เป็นต้นทุนรายการ

อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 310.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,485.8% จาก Q4/60 ที่ 19.6 ล้านบาท แต่ลดลง 60.2% จาก Q1/60 ที่ 779.7 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. บีอีซี เวิลด์ ครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2561 ได้รับทราบการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทของ นายวรวรรธน์ มาลีนนท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2561

โดยก่อนหน้านี้จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า นายประวิทย์ มาลีนนท์ได้ขายหุ้นบีอีซี เวิลด์ (BEC) ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้กับลูกทั้ง 4 คน อันได้แก่ นายวรวรรธน์ นางสาววัลลิภา นางสาวอรอุมา และนายชฎิล มาลีนนท์ ในราคาหุ้นละ 32 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 117,575,000 หุ้น หรือคิดเป็น 5.88% ระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค.2558 อันทำให้นายประวิทย์ค่อยๆลดบทบาทบริหารของตัวเองลง นำไปสู่การเข้ามาแทนที่ของนายประสาร มาลีนนท์ พี่ชายคนโต ซึ่งภายหลังเสียชีวิต ตามมาด้วยนายประชุม มาลีนนท์ น้องชายคนสุดท้อง ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบีอีซี เวิลด์ ตั้งแต่เดือน มี.ค.2560 จนปัจจุบัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2561 ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯรายงานว่า นาย วรวรรธน์ ในฐานะกรรมการบีอีซี เวิลด์ ได้ขายหุ้นบีอีซี เวิลด์ จำนวน 29.393 ล้านหุ้น หรือ 1.47% นำไปสู่การตรวจสอบพบว่า ไม่เหลือรายชื่อบุตรทั้ง 4 ของนายประวิทย์ถือหุ้น บีอีซี เวิลด์ อีกต่อไป โดยในกรณีของนายวรวรรธน์นั้น ที่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเนื่องจากดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท


กำลังโหลดความคิดเห็น