ผู้จัดการรายวัน 360 - “ช่อง 3” ปั้นฝันใหญ่ หวังจัด “อีเวนต์พรมแดง” ซื้อขายคอนเทนต์ในไทยในอีก 3 - 4 ปี หลังจับมือ “เจเคเอ็น” ตัวแทนจำหน่ายส่งออกคอนเทนต์ไปทั่วโลก หวังรับรายได้ต่างประเทศเป็นกอบเป็นกำไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในปีแรก ชี้ ธุรกิจทีวีแข่งดุ เกมลดราคาโฆษณาหนักหน่วง ต้องวางแผนชิงโอกาสกันแบบเดือนต่อเดือน มอง ม.44 ช่วยให้หายใจคล่องขึ้นเท่านั้น
นายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมธุรกิจทีวีในเวลานี้ (2561) แข่งขันกันรุนแรงมาก เพราะมีช่องให้รับชมมากกว่าเดิม จากแต่ก่อนที่ช่อง 3 และ ช่อง 7 แต่ปัจจุบันพบว่า แต่ละช่องมีการลดเรตโฆษณาลงสูงมาก บางช่องบางรายการปรับลดโฆษณาลงกว่า 50% สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ช่อง 3 ต้องปรับตัว ปรับราคารับมือเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ เรตติ้ง ประกอบกันด้วย ซึ่งต้องดูกันแบบเดือนต่อเดือน ช่อง 3 เองก็ขยับผังรายการแทบทุกเดือน
ส่วนในเรื่อง ม.44 ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลนั้น มองว่า เป็นความช่วยเหลือที่ทำให้ช่อง 3 มีสภาพคล่องเกี่ยวกับกระแสเงินสดดีขึ้น ซึ่งเงินที่ไม่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตครั้งนี้ จะถูกนำไปพัฒนาคอนเทนต์ให้ดีขึ้น เพื่อแข่งขันเป็นหลัก รวมถึงด้านการผลิตและต้นทุนต่างๆ ในการดำเนินงาน ซึ่งในความเป็นจริงทุกช่องอยากได้ความช่วยเหลือมากกว่านี้ ส่วนการที่ห้ามเปลี่ยนมือหรือคืนช่องนั้น ทางบริษัทก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่หากเปิดโอกาสให้เปลี่ยนมือหรือคืนช่องได้ ต้องดูรายละเอียดประกอบกันด้วยว่าจะเป็นผลดีมากแค่ไหน
ทางช่อง 3 เปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจทุกรูปแบบ ล่าสุด ร่วมมือกับทางเจเคเอ็น ในการส่งออกละครไทยไปต่างประเทศที่เป็นตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมจากตลาดที่ช่อง 3 ได้ทำการขายอยู่แล้ว คือ จีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม และ พม่า โดยทาง เจเคเอ็น เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายงานละครช่อง 3 ในต่างประเทศ ซึ่งในล็อตแรก มีละครยอดฮิตเตรียมส่งถึง 70 เรื่อง เช่น สามีตีตรา, ทรายสีเพลิง, รอยฝันตะวันเดือด, ลมซ่อนรัก เป็นต้น เชื่อว่า จะสร้างชื่อเสียงและสร้างรายได้จากต่างประเทศ หรือปีแรกคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้กับทางช่อง 3 ครั้งนี้ ถือเป็นขั้นที่ 1 ในการเป็นตัวแทนขายคอนเทนต์ให้ช่อง 3 ไปยังประเทศใหม่ๆ ที่ช่อง 3 ยังไม่ได้ทำการขายคอนเทนต์ ถือเเป็นการสร้างการรับรู้ ส่วนขั้นที่ 2 เป็นการขายคอนเทนต์ให้มากขึ้น และขั้นที่ 3 หรือในอีก 3 - 4 ปีข้างหน้า จะมีความร่วมมือกันมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบของการจัดงานซื้อขายคอนเทนต์ในประเทศไทย โดยจะมีการจัดอีเวนต์นำดารามาเดินบนพรมแดงอย่างในต่างประเทศ
“ตลาดคอนเทนต์โลกมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท และเป็นครั้งแรกที่คอนเทนต์ละครไทยจะเปิดตลาดสู่ระดับโกลบอล สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การสร้างตลาด การรับรู้ ความนิยม ทั้งในตัวละครและนักแสดง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถขายคอนเทนต์ในขั้นที่ 2 ตามมา ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาคอนเทนต์ไทยเมื่อเทียบกับคอนเทนต์ในภูมิภาคเดียวกันอย่างอินเดีย และเกาหลี ของไทยยังมีราคาต่ำกว่า 3 - 5 เท่า ปีแรกน่าจะขยับราคาขึ้นได้ 5% และปีที่ 2 ขยับราคาเพิ่มได้อีก 10%”
การออกสู่ตลาดต่างประเทศนี้ จะเป็นรูปผ่านงานซื้อขายคอนเทนต์ระหว่างประเทศ ที่แรก คือ เวียดนาม ตามด้วย เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้น จะมีการเปิดตลาดไปยังตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา รวมถึงประเทศในเซาท์อีสต์เอเชียที่ยังเหลืออยู่ ทั้งใน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และ บรูไน เป็นต้น