ข่าวร้ายหุ้น บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EARTH ยังไม่จบสิ้นลงง่ายๆ ล่าสุดถูกธนาคารกรุงไทย ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ แจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีฐานปลอมแปลงเอกสารส่งสินค้าทางเรือ เพื่อนำเข้าถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซีย
ไม่มีการระบุว่า ธนาคารกรุงไทยแจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการและฝ่ายบริหาร EARTH คนใดบ้าง แต่จะต้องมีคนต้องรับผิดชอบต่อการสำแดงเท็จ เกี่ยวเอกสารส่งสินค้า ซึ่งนำไปสู่การทำธุรกรรมอำพรางในงบการเงิน
การถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดปลอมแปลงเอกสารเป็นเรื่องใหญ่ กรรมการและผู้บริหาร EARTH คนใดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องตกที่นั่งลำบาก มีสิทธิ์ติดคุกติดตาราง
ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย EARTH หนีไม่พ้น ต้องถูกผลกระทบซ้ำเติมเพราะการฟื้นฟูฐานะและการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้จะมืดมนยิ่งขึ้น
หุ้น EARTH ถูกขึ้นเครื่องหมาย “เอสพี” พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2560 เนื่องจากไม่ชี้แจง กรณีการผิดนัดชำระหนี้ให้ตลาดหลักทรัพย์ หลังจากนั้นข่าวร้ายก็กระหน่ำใส่ หนี้สินของ EARTH โผล่พรวดขึ้นมา จนกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
ยอดหนี้จำนวน 26,000 ล้านบาท ถูกตั้งข้อสงสัยว่า อาจเป็นหนี้เทียม จนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้สั่งให้ตั้งผู้สอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ แต่ผู้สอบบัญชีไม่พบความผิดปกติของมูลหนี้
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกรุงไทย ตรวจพบการปลอมแปลงเอกสารการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย ทำให้ข้อสงสัยการสร้างหนี้เทียมมีน้ำหนักขึ้นมาอีกครั้ง แต่ใครอยู่เบื้องหลังการปลอมแปลงเอกสาร และมีการสร้างธุรกรรมอำพรางอื่นใดอีกหรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวนของดีเอสไอ
ก.ล.ต.ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าที เกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย แต่เชื่อว่า กำลังติดตามตรวจสอบข้อมูลอยู่ รวมทั้งตรวจสอบพฤติกรรมอำพรางอื่น ๆ ที่เกี่ยวโยงกับการปลอมแปลงเอกสารนำเข้าถ่านหิน
และอนาคต ก.ล.ต. คงจะกล่าวโทษกรรมการหรือผู้บริหาร EARTH ตามมา โดยเป็นโจทย์ร่วมกับธนาคารกรุงไทย
รอบปีที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ต้องล่มสลาย เพราะการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องรับกรรม ไม่ว่า บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือหุ้น KC ซึ่งผู้บริการผ่องถ่ายเงินออก หรือบริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น IFEC ซึ่งผู้บริหารถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษ ในความผิดการลงคะแนนเสียงผู้ถือหุ้น แต่งตั้งกรรมการบริษัท โดยไม่เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท
ล่าสุด EARTH ถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดการปลอมแปลงเอกสารการนำเข้าถ่านหิน พฤติกรรมการฉ้อฉล การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ การสร้างธุรกรรมอำพราง ตบตา ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ และ นักลงทุนอาจเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนนับสิบ ๆ แห่ง
เพียงแต่มีการตรวจสอบพบและตกเป็นข่าว 3 บริษัทเท่านั้น
ส่วนที่ตรวจสอบไม่พบ แกะรอยไม่เจอ น่าจะมีอีกมาก โดยบางบริษัทอาจโกงกันจนกิจการล่มสลาย ไม่มีปัญญาใช้หนี้ ไม่อาจปิดงบการเงินได้ หรือกลายเป็นบริษัทล้มละลาย ต้องเข้าแผนฟื้นฟูการดำเนินงาน และหุ้นถูกสั่งพักการซื้อขายยาว
EARTH เป็นอีกกรณีตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า แม้ ก.ล.ต.จะเพ่งเล็ง เกาะติด ตามตรวจสอบธุรกรรมบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้อย่างไร แต่ไม่อาจสาวลึกลงไปถึงการสร้างธุรกรรมอำพราง โดยการปลอมแปลงเอกสารนำเข้าถ่านหินได้
และแม้สั่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษแล้ว แต่เจาะเข้าไปไม่ถึงธุรกรรมอันฉ้อฉล
ก.ล.ต.คงต้องทบทวนระบบการตรวจสอบใหม่ เพื่อตามแกะรอยกลุ่มอาชญากรในตลาดหุ้นให้ทัน โดยไม่ปล่อยให้กลุ่มคนที่โกง ผู้ถือหุ้นลอยนวล
การบริหารงานที่ไม่โปร่งใส การสร้างธุรกรรมอำพราง เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนนับสิบแห่ง ๆ แห่งต้องย่อยยับ แต่กรรมการและผู้บริหารบริษัทกลับลอยนวล ทิ้งให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยรับกรรม
ก.ล.ต. ต้องลากคอผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียนขี้ฉ้อทั้งหลาย มาลงโทษให้หมด