xs
xsm
sm
md
lg

รายย่อยไอเฟค จ่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย “ศุภนันท์-บอร์ดกำมะลอ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รายย่อยไอเฟคฮึ่ม! ร่อนหนังสือถึง “ศุภนันท์” ในฐานะ CEO ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก “หมอวิชัย” ลั่นเตรียมฟ้องร้องเพื่อค่าเสียหายจากบอร์ดกำมะลอ โทษฐานสร้างความเสียหายให้อย่างร้ายแรง ทำบริษัทเจ๊งยับ ชักดาบหนี้ตั๋วบี/อี-หุ้นกู้ คดียาวเป็นหางว่าว นับถอยหลังถูกเฉดหัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังปิดงบไม่ลง ไร้กรรมการตรวจสอบ แต่ยัง “ดื้อ” ลั่นขืนทำตัวเป็นจ่าเฉย เจอ 157 แน่

นายจักรกริช ประชุม ทนายความตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (IFEC) เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ได้ทำหนังสือถึงนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการไอเฟค เพื่อขอให้บริษัทฯ ดำเนินการฟ้องร้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เห็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับ เนื่องจากไอเฟคได้ถูกคำสั่งห้ามซื้อขายหุ้น (SP) มาตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2560 จากกรณีไม่ชี้แจงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) กรณีไม่ส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 กรณีกรรมการตรวจสอบไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนด ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 และยังไม่ได้ทำการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีประจำปี 2560 การผิดนัดชำระหนี้ จนเป็นที่มาซึ่งทำให้ไอเฟคถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก

“จากปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีที่บริษัท และผู้ถือหุ้นต้องได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือละเลย หรือจงใจกระทำให้บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหายของนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์, นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ที่อ้างว่า จำนวนกรรมการบริษัทครบเป็นองค์ประชุม แม้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นนายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการที่อาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ก็ตาม และทั้งที่นับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ที่มีกรรมการขอลาออก และพ้นจากตำแหน่ง 5 คน ทำให้คณะกรรมการมีจำนวนไม่ครบองค์ประชุม จึงไม่สามารถดำเนินงานแทนบริษัทฯ ได้ แต่กรรมการที่เหลืออยู่กลับไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตามกฎหมาย”

นายจักรกริช กล่าวว่า แม้สำนักงาน ก.ล.ต. จะกล่าวโทษนายวิชัย แต่กรรมการที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับบริษัท กลับแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ปล่อยให้มีการผิดนัดชำระหนี้ ถูกห้ามซื้อขายหุ้น ไม่ส่งงบ ไม่จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ไม่เลือกตั้งกรรมการให้ครบเป็นองค์ประชุมเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างความเชื่อมั่นเจ้าหนี้และนักลงทุน ทำให้บริษัทฯ ประสบปัญหาต่าง ๆ สร้างความเสียหายให้กับบริษัท และผู้ถือหุ้นคิดเป็นเงินไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านบาท ยังไม่นับรวมปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเริ่มเห็นเค้ารางจากอัตราการเข้าพัก และรายได้ของโรงแรมดาราเทวี ที่ลดลงกว่า 50% ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนเขมร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายไฟ และใบอนุญาตรับซื้อไฟ (PPA) โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศ และโซลาร์ฟาร์ม ที่กำลังจะครบกำหนดในกลางปี 2561 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้าง หากปล่อยให้ใบอนุญาตหมดอายุ จะทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ามหาศาลเมื่อเทียบกับขนาดของบริษัท

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้มีการรวมตัวกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมด ขอให้บริษัทเรียกร้องค่าเสียหายของบริษัทจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์, นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และขอให้บริษัทดำเนินคดีกับกรรมการหรือผู้บริหาร หรือบุคคลใด ๆ ในความเสียหายอื่นที่ตรวจสอบพบอีกต่างหาก

“การที่กรรมการไอเฟค อ้างสาเหตุการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี หุ้นกู้ หรือการไม่ทำงบ มาจากปัญหาที่ ก.ล.ต. ปลดหมอวิชัย ทำให้เรียกประชุมคณะกรรมการมาแก้ปัญหาไม่ได้ ยิ่งเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ได้ และเป็นการยอมรับว่า กรรมการที่มีอยู่แก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมคืนอำนาจให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทฯ สามารถตัดสินใจว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร การประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ เช่นนี้มีแต่จะทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นเสียหายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้ไอเฟคเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอย่างเร่งด่วน โดยกำหนดวาระให้ผู้ถือหุ้นร่วมกันตัดสินใจแก้ไขปัญหาบริษัทฯ จะเป็นแนวทางใดขอให้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีมติ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาได้ และการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว จะอ้างว่าไม่มีประธานกรรมการ คงไม่ใช่ หากยอมทำแบบนี้ คิดว่า ความเสียหายอาจไม่บานปลายจนเกินแก้ไขเยียวยา” ทนายความตัวแทนนักลงทุนรายย่อยไอเฟค ระบุ

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยไอเฟค ยังได้ทำหนังสือถึง ก.ล.ต. ไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริต โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในกัมพูชา มูลค่าลงทุน 600 ล้านบาท ซึ่งหาก ก.ล.ต. ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ก็จะดำเนินการฟ้องร้อง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหาย
กำลังโหลดความคิดเห็น