นับตั้งแต่ต้นปี 2560 เกิดโศกนาฏกรรมกับบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง
สร้างความเสียหายให้นักลงทุนนับแสนคน โดยล่าสุดเกิดขึ้นในบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น PACE และบริษัท กรุ๊ป ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น GL แม้ว่า หุ้น PACE และ GL ยังเปิดซื้อขายตามปกติ ไม่ถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพี ไม่ได้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ แต่สถานการณ์ของหุ้นทั้งสองตัวอยู่ในการอาการย่ำแย่ ทำท่าจะขาดอนาคต
PACE อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างทางการเงิน เตรียมขายทรัพย์สินและเพิ่มทุนครั้งใหญ่อีกรอบ เพื่อชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน ขณะที่ฐานะการดำเนินงานมีปัญหา เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปในงบการเงิน และยังถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) สั่งให้ชี้แจงข้อมูลการประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน
ชะตากรรมของ PACE ไม่สดใสนัก โดยแผนการเพิ่มทุน ถ้าไม่บรรลุเป้าหมาย อาจทำให้แผนการปรับโครงสร้างทางการเงินล้มเหลว
ราคาหุ้น PACE ทรุดลงต่อเนื่อง ปิดเมื่อวันศุกร์เหลือ 67 สตางค์ ขณะที่ช่วงต้นปียืนอยู่ประมาณ 4 บาท โดยปรับตัวลงมาแล้วกว่า 80% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อช่วงต้นปี นักลงทุนที่ถือหุ้นไว้ หมดเนื้อหมดตัวตามๆกัน
ส่วน GL หลังจากผู้บริหารระดับสูงถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษในความผิดยักยอก สร้างธุรกรรมอำพรางในงบการเงิน กิจการเกิดความปั่นป่วน ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นในงบการเงิน โดยไม่มีใครรู้ผลดำเนินงานและฐานะการเงินที่แท้จริง
ราคาหุ้น GL ทรุดลงต่อเนื่อง ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 7.95 บาท ขณะที่ช่วงต้นปียืนอยู่เหนือ 60 บาท โดยปรับตัวลงมาแล้วกว่า 80% นักลงทุนที่ถือหุ้นติดมืออยู่ หมดเนื้อหมดตัวอีกเช่นกัน
ก่อนหน้า มีบริษัทจดทะเบียน 4 แห่งที่เกิดปัญหาฐานะทางการเงิน ผิดนัดชำระหนี้ หุ้นถูกพักการซื้อขายยาวประกอบด้วย บริษัท โพลารีส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น POLAR บริษัท เค.ซี. พร๊อพเพอรตี้ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น KC และ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EARTH และ บริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น IFEC
POLAR มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 11,523 ราย KC มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 3,584 ราย EARTH มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 6,949 ราย และ IFEC มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 27,170 ราย
รวม 4 บริษัทจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนทั้งสิ้นรวม 49,226 ราย
ผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทจดทะเบียนทั้ง 4 แห่ง ตกอยู่ในสภาพตายหมู่ ขาดทุนอ่วม เพราะราคาหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก และไม่รู้ว่า บริษัทจดทะเบียนทั้ง 4 แห่ง จะแก้ปัญหาฐานะการเงินได้เมื่อไหร่
ส่วนผู้ถือหุ้น PACE และ GL กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ไม่รู้ว่า อนาคตการดำเนินงานะเป็นอย่างไร ฐานะการเงินที่แท้จริงเป็นอย่างไร ขณะที่ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง
PACE มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 3,779 ราย ส่วน GL มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 7,557 ราย ทั้ง 2 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมทั้งสิ้น 11,336 ราย ซึ่งได้รับความเสียหายหนัก
บริษัทจดทะเบียนที่เกิดวิกฤตด้านการดำเนินงานและฐานะการเงินนับจากต้นปี มีจำนวน 6 บริษัท ซึ่งอาจเป็นสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ ตลาดหุ้น mai จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 680 บริษัท
แต่ถ้าคิดถึงนักลงทุนรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากบริษัทจดทะเบียน 6 แห่งซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 60, 562ราย ถือเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว และหากคิดถึงมูลค่าความเสียหาย อาจมีจำนวนนับแสนล้านบาท
ดังนั้น ผู้บริหาร ก.ล.ต. ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ และผู้บริหารตลาด mai ควรเลิกพูดเสียทีว่า บริษัทจดทะเบียนที่มีปัญหา เป็นเพียงส่วนน้อย แต่ควรตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อนักลงทุนนับหมื่นนับแสนราย ควรคำนึงถึงวงเงินนับหมื่นนับแสนล้านของนักลงทุนที่ต้องสูญเสีย จากบริษัทจดทะเบียนเน่าๆ
ตลาดหุ้นปีนี้ดุจริงๆ มีนักลงทุนต้องสังเวย 6 บริษัทจดทะเบียนเน่าหรือกำลังจะเน่าไปแล้วกว่าครึ่งแสนราย แต่โศกนาฏกรรมในตลาดหุ้นยังไม่ได้เปิดฉาก เพราะยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ส่ออาการว่า จะเน่าตามมาอีกนับสิบบริษัท
นักลงทุนต้องระวังตัวให้ดี อย่าเผลอ ”ติดกับ”หุ้นเน่า เพราะพลาดถึงตาย เหมือนคนที่หลงเข้าไปเล่นหุ้น PACE และ GL