บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น EARTH เป็นบริษัทจดทะเบียนรายที่สามในปีนี้ ที่ยื่นขอฟื้นฟูกิจการจากศาลล้มละลายกลาง เนื่องจากมีหนี้สินล้นพ้นตัว และฐานะการเงินผลิกผันอย่างรวดเร็วจนผู้ถือหุ้นรายย่อยตั้งตัวไม่ทัน
เพราะเอิร์ธเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ มีกำไรจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยเพิ่งจะแสดงอาการไม่ดีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ยอดขายถ่านหินไตรมาสแรกมีจำนวน7,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่า 100% แต่ผลประกอบการกลับขาดทุนสุทธิ 68.93 ล้านบาท ขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ111.89 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการขายพุ่งขึ้น
เอิร์ธประกาศงบการเงินไตรมาสแรกในวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 แต่ราคาหุ้นกลับทรุดตัวลงล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์
วันที่ 5 พฤษภาคม 59 เริ่มมีแรงขายหุ้นเอิร์ธออกมา แต่ราคาปรับตัวลงไม่รุนแรงนัก โดยปิดที่ 4.34 บาท ลดลงเพียง 2 สตางค์ หลังจากนั้นยังถูกเทขายต่อเนื่อง จนราคาหุ้นทรุดลงอีก 4 วันติดๆ โดยเฉพาะวันที่ 11 และ 12 พฤษภาคม 59 ถูกทุบติดฟลอร์ 30% จนราคาลงมายืนที่ 1.98 บาท
ผู้บริหารเอิร์ธออกมาชี้แจงสาเหตุที่ราคาหุ้นทรุดหนัก โดยระบุว่า เกิดจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ประเมินว่า แนวโน้มธุรกิจถ่านหินไม่สดใส ทำให้นักลงทุนต่างประะเทศเทขาย แต่ยืนยันว่า ยอดขายถ่านหินของบริษัทปีนี้ยังเติบโตอยู่
ราคาหุ้นเอิร์ธทำท่าจะกระเตื้องขึ้นอยู่หลายวัน แต่มีแรงขายกระหน่ำออกมาอีก จนต่ำสุดที่ 1.20 บาท ในวันที่ 9 มิถุนายน
7 มิถุนายน เอิร์ธแจ้งการผิดนัดชำระหนี้ตัวแลกเงิน (ตั๋วบี/อี) วงเงิน 40 ล้านบาท และเป็นจุดเริ่มต้นในวิกฤตฐานะทางการเงิน
ตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ผู้บริหารเอิร์ธชี้แจงถึงการผิดนัดชำระหนี้ว่า มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ฐานะการเงินและการดำเนินงานอย่างไร แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงจากบริษัทฯ จึงขุึ้นเครื่องหมายเอสพี พักการซื้อขายหุ้นเอิร์ธตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน
และเป็นการสั่งพักการซื้อขายที่ผู้ถือหุ้นรายย่อย ไม่อาจคาดหมายได้ว่า หุ้นเอิร์ธจะมีโอกาสกลับมาซื้อขายอีกเมื่อใด โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 1.46 บาท
ก่อนหน้านี้ บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายไปก่อนหน้าแล้ว
ผู้ถือหุ้นริชฯ ผู้ถือหุ้นโพลาริส และผู้ถือหุ้นเอิร์ธกำลังตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน กลายเป็นผู้เสียหาย จากความผิดพลาดล้มเหลวของฝ่ายบริหารบริษัทจดทะเบียนทั้ง 3 บริษัท
ตลาดหลักทรัพย์เกาะติดเอิร์ธ สั่งให้ชี้แจงว่า บริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินอย่างไร รายละเอียดของมูลหนี้ โดยแยกเป็นแต่ละกลุ่มเจ้าหนี้ และทรัพย์สิน มีการตั้งด้อยค่าของทรัพย์สินหรือไม่
เพราะการยื่นขอฟื้นฟูกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นักลงทุนทั่วไปไม่น่าจะมีใครได้ระแคะระคายฐานะการเงินของเอิร์ธ จะรับรู้กันเมื่อฝ่ายบริหารประกาศผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งราคาหุ้นรูดลงไปติดดินแล้ว ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่จึงถอยหนีไม่ทัน
ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ติดอยู่ในหุ้นเอิร์ธมีจำนวนเกือบ 7,000 คน ซึ่งต้องพยายามทำใจกับความเสียหายที่ได้รับ
การฟื้นฟูกิจการเอิร์ธต้องใช้เวลา ไม่รู้อีกกี่ปีหุ้นจะกลับมาซื้อขายใหม่ ไม่รู้ว่าฝ่ายบริหารเอิร์ธจะมีคำตอบให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือไม่
ฐานะการเงินเอิร์ธที่ทรุดหนักจึงถึงขั้นล้มละลายนั้น เกิดจากความผิดพลาดการบริหารงานจุดไหน
และฝ่ายบริหารบริษัทต้องรับผิดชอบในความเสียหายของผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือไม่หรือไม่