ผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EARTH คงอยู่ระหว่างเฝ้ารอดูว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น EARTH หลังมีข่าวการปลอมเอกสารการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย
ธนาคารกรุงไทย ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ แจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับ EARTH ไปแล้ว หลังตรวจสอบพบการปลอมแปลงเอกสารขนส่งสินค้า โดยมีรายการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย แต่ไม่มีการขนถ่านหินเข้ามาจริง
แต่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดเกี่ยวกับ ธุรกรรมอำพรางของ EARTH ทั้งที่ควรจะตรวจสอบข้อมูลทันที โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีหน้าที่นำข้อมูลเท็จจริงของบริษัทจดทะเบียนมาเปิดเผยให้นักลงทุนรับทราบ
แม้ว่าหุ้น EARTH อยู่ระหว่างถูกพักการซื้อขาย แต่ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหลักทรัพย์จะต้องหยุดทำหน้าที่ติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 6,949 ราย ยังทุรนทุรายกับหุ้น EARTH และต้องการรับรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่าง
การปลอมแปลงเอกสารขนส่งสินค้า ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องการรู้ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ใครอยู่เบื้องหลัง และกรรมการหรือฝ่ายบริหารบริษัทคนใดต้องรับผิดชอบบ้าง
ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบพบการปลอมแปลงเอกสารขนส่งสินค้า ไม่มีอำนาจสั่งให้ฝ่ายบริหาร EARTH ชี้แจงข้อเท็จจริงของธุรกรรมอำพรางที่เกิดขึ้น เพื่อตบตาเจ้าหนี้และนักลงทุนทั่วไป แต่เป็นความรับผิดชอบโดยตรง ของตลาดหลักทรัพย์ที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสั่งให้ฝ่ายบริหาร EARTH ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับข่าวฉาวโฉ่ การปลอมแปลงเอกสารมาให้เท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ผ่านมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ “กระดิก” อะไร
การออกคำสั่งให้ฝ่ายบริหาร EARTH ชี้แจงข้อเท็จจริง เป็นเรื่องยากเย็นเข็ญใจผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์นักหรือ จึงละเลยการทำหน้าที่ ไม่ยอมติดตามข้อมูลมาเปิดเผยให้นักลงทุนทั่วไปรับทราบ จะอ้างว่า สถานการณ์ EARTH เลวร้าย จนไม่จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลใด ๆ ไม่ได้
เพราะผู้ถือหุ้นกว่าครึ่งหมื่นคน ยังกระวนกระวายกับความเป็นไปของหุ้นตัวนี้
ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้เดือดร้อนเหมือนผู้ถือหุ้น จึงไม่กระตือรือร้นที่จะติดตามปัญหา EARTH แต่ต้องไม่ลืมบทบาทหน้าที่ การนำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงาน ของบริษัทจดทะเบียนมาเปิดเผยให้นักลงทุนรับรู้
หุ้น EARTH ถูกแช่แข็งอยู่ก็ตาม แต่ EARTH ยังมีฐานะเป็นบริษัทจดทะเบียน และ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต้องจี้ให้ฝ่ายบริหาร EARTH ชี้แจง กรณีการปลอมแปลงเอกสารขนส่งสินค้า ความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่เกี่ยวโยงจากธุรกรรมอำพราง และผู้ที่ต้องรับผิดชอบ
ไม่เข้าใจว่า เหตุใด ตลาดหลักทรัพย์จึงละเลยหน้าที่ ไม่ตรวจสอบพฤติกรรมที่เข้าข่ายโกงภายใน EARTH ทำไมจึงนิ่งเฉยกับการนำข้อเท็จจริงของบริษัจดทะเบียนแห่งนี้เปิดโปงให้สังคมรับรู้
ข่าวการปลอมแปลงเอกสารขนส่งสินค้า จะไม่มีการบันทึกใด ๆ ในรายการข้อมูลของ EARTH เพราะตลาดหลักทรัพย์ ไม่ออกคำสั่งให้ผู้บริหารบริษัท ฯ ชี้แจง
พฤติกรรมโกงของ EARTH จนถูกธนาคารกรุงไทยแจ้งความดำเนินคดีอาญา จึงไม่มีในสารบบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนที่ต้องการสืบค้นประวัติบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ในอนาคต ไม่มีโอกาสรับรู้ว่า ผู้บริหารบริษัทเคยสร้างธุรกรรมอำพรางไว้
ผู้ถือหุ้น EARTH ช้ำมาแล้วกับตลาดหลักทรัพย์ เพราะขาดประสิทธิภาพในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้ดำเนินงานอย่างโปร่งใส ปล่อยให้บริษัทเน่าเข้ามาสูบเงิน สร้างความเสียหายให้นักลงทุน และกำลังต้องช้ำใจซ้ำซากอีก
เพราะตลาดหลักทรัพย์ละเว้นการทำหน้าที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงการปลอมแปลงเอกสารนำเข้าถ่านหิน ซึ่งอาจโยงไปสู่การสร้างหนี้เทียม จน EARTH ตกอยู่ในฐานะหนี้สินล้นพ้นตัว และต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการ
นักลงทุนที่เสียหายไปกับ EARTH ยอมรับชะตากรรมตัวเองแล้ว ยอมรับในความผิดพลาดการลงทุนในหุ่นตัวนี้ แต่ถ้าความเสียหาย มีต้นตอจากพฤติกรรมโกง คงทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้บริหาร EARTH ลอยนวล
และทนไม่ได้เหมือนกันที่ตลาดหลักทรัพย์ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว กับการตรวจสอบพฤติกรรมโกงใน EARTH