xs
xsm
sm
md
lg

กมธ. วิสามัญฯ ปรับลดเพดานภาษีที่ดินลง 40%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กมธ. วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิจารณาปรับลดเพดานสูงสุดการจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ลงอีก 40% ตามที่คลังเสนอ ระบุบทเฉพาะกาลกำหนดระยะเวลาการบรรเทาภาระภาษีส่วนที่เพิ่มให้แก่เจ้าของที่ดินไว้ใน 3 ปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย โดยปีแรกให้ทยอยจ่ายภาระภาษีภาระภาษีเก่าบวกด้วย 25% ของส่วนภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น ส่วนปีที่ 2 และ 3 กำหนดให้จ่ายภาระภาษีเก่าบวกด้วย 50% และ 75% ตามลำดับ พร้อมกำหนดให้จ่ายภาษีส่วนที่เพิ่มเต็มทั้ง 100% เมื่อถึงปีที่ 4

นายชัยพร ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... กล่าวในงานเสวนา “การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ. ภาษีและสิ่งปลูกสร้าง” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างฯ จากสภานิติบัญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาปรับลดเพดานอัตราภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างลง 40% จากอัตราที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชน

การปรับลดเพดานสูงสุดตามร่างกฎหมายดังกล่าวนั้น จะส่งผลให้อัตราการจัดเก็บจริงตามขั้นบันใดปรับลดตามไปด้วย เช่น ในกรณีบ้านที่อยู่อาศัยหลักแรกที่มีราคาไม่เกิน 20 ล้านบาท ขณะที่บ้าน และที่ดิน ซึ่งมีราคามากกว่า 20-50 ล้านบาท จะเสียภาษีในอัตรา 0.02% หรือล้านละ 200 บาท ส่วนบ้านที่มีราคาเกินกว่า 20 ล้านบาท กำหนดให้ใช้วิธีการคำนวณเฉพาะในส่วนที่เกินกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป เช่น บ้าน และที่ดิน มีราคา 21 บาท กำหนดให้หักส่วนที่ได้รับการยกเว้นที่ 20 ล้านบาทแรกก่อนคำนวณภาษีจากมูลค่าในส่วนที่เหลือ

ขณะที่ในกรณีบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัย แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน โดยบุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019 เป็นต้นไป กำหนดให้ได้รับยกเว้นมูลค่าบ้าน และที่ดิน ที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ส่วนคนที่มีบ้านหลังที่ 2 ซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 0-50 ล้านบาทนั้น กำหนดให้เสียภาษีตั้งแต่บาทแรกในอัตรา 0.02% เป็นต้น

สำหรับที่ดินเชิงพาณิชย์ และที่ดินที่ปล่อยรกร้างว่างเปล่า กำหนดให้เก็บภาษีตั้งแต่บาทแรกของมูลค่าที่ดินบวกราคาประเมินตัวบ้าน หรือเสียภาษีล้านละ 3 พันบาท อย่างไรก็ตาม กรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่า และยังไม่มีการทำประโยชน์ตามสมควร กำหนดให้เพิ่มอัตราการจัดเก็บขึ้นอีก 0.3% ในทุกๆ 3 ปี ทั้งนี้ เพดานอัตราในการจัดเก็บสูงสุดต้องไม่เกิน 3%

สำหรับที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้นจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ ในกรณีบุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อการเกษตรที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับมูลค่าที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์ แต่หากมีราคามากกว่า 50-75 ล้านบาท กำหนดให้เสียภาษีในอัตรา 0.01% อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ดินเพื่อการเกษตรที่มีนิติบุคคลเป็นเจ้าของ จะไม่มีมูลค่าที่ดินที่ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี ดังนั้น จึงกำหนดให้เก็บภาษีที่ดินซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 0-75 ล้านบาทในอัตรา 0.01%

ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ใช้เก็บจริงดังกล่าวจะถูกกำหนดอยู่ในบัญชีแนบท้ายของ พ.ร.บ. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้จะใช้จัดเก็บในช่วง 2 ปีแรกของการเริ่มบังคับใช้กฎหมายใหม่ ซึ่งจะริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 แต่เมื่อขึ้นปีที่ 3 ของการบังคับใช้กฎหมายแล้ว การกำหนดอัตราภาษีที่ใช้จริงจะเป็นไปตามอำนาจของรัฐบาลที่จะพิจารณาตามความเห็นสมควรในการออกพระราชกฤษฎีกาต่อไป

สำหรับบทเฉพาะกาลเพื่อบรรเทาภาระภาษีจะกำหนดให้ดำเนินการใน 3 ปีแรกหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว โดยในกรณีของเข้าของที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่มีภาระภาษีใหม่ ซึ่งสูงกว่าภาระภาษีตาม พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือน และ พ.ร.บ. ภาษีที่ดิน ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยกำหนดให้ทยอยจ่ายภาระภาษีส่งที่เพิ่มสำหรับปีแรก กำหนดให้จ่ายเท่ากับภาระภาษีเก่าบวกด้วย 25% ของส่วนภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น, ปีที่ 2 กำหนดให้จ่ายภาระภาษีเก่าบวกด้วย 50% ของภาระภาษีส่วนที่เพิ่ม, และปีที่ 3 กำหนดให้จ่ายภาระภาษีเก่าบวกด้วย 75% ของภาระภาษีส่วนที่เพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตาม กำหนดให้จ่ายภาระภาษีส่วนที่เพิ่มเต็มทั้ง 100% เมื่อถึงปีที่ 4 แล้ว

นอกจากนี้ ยังกำหนดประเภททรัพย์สินที่ได้รับการบรรเทาภาระภาษีตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น บ้านอยู่อาศัยที่ได้รับมาทางมรดกก่อนที่กฎหมายนี้ จะมีผลบังคับใช้, ทรัพย์สินของสถานศึกษาเอกชน, ที่ดินที่กฎหมายห้ามทำประโยชน์บางอย่าง, ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่ใช้เป็นสถานที่เล่นกีฬา และสันทนาการ ที่มีกฎหมายกำหนด และที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้าง ที่ใช้เป็นที่จอดรถสาธารณะ เป็นต้น เช่น บ้านพักอาศัยที่ได้มาโดยมรดกก่อนมีกฎหมายนี้ หรือกิจการสาธารณะ เช่น โรงเรียนโดยรัฐบาลจะลดภาระภาษีให้ไม่เกิน 90%

ส่วนการจัดเก็บภาษีขององค์กรส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดอัตราจัดเก็บได้สูงกว่าอัตราที่ใช้จริงตามที่รัฐบาลกำหนดก็ได้ แต่ต้องไม่เกินกว่าเพดานจัดเก็บสูงสุดที่กำหนด อีกทั้งองค์กรส่วนท้องถิ่น ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องเสนอร่างบัญญัติท้องถิ่น เพื่อให้คณะกรรมการถาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัดเห็นชอบเสียก่อน ทั้งนี้ ยกเว้น กทม. ไม่ต้องเสนอให้คณะกรรมการประจำจังหวัดเห็นชอบเสียก่อน

ส่วนทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษีตามกฎหมายนี้ ได้แก่ ที่ดินอันเป็นสาธารณูปโภคตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, พิพิธภัณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด,ที่ดิน ที่กฎหมายห้ามไม่ให้ทำประโยชน์ เช่น ที่ดินที่กำหนดให้เป็นแนวกันชน ตามกำหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ, สิ่งปลูกสร้างที่ใช้ต่อเนื่องกับอาคาร ดังนี้ ถนนคอนกรีต รั้ว บ่อบำบัดนำเสีย และสิ่งปลูกสร้างของรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทางคมนาคม เช่น ทางด่วน, มอเตอร์เวย์, ทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน, ทางรถไฟ, และรันเวย์สนามบิน เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น