แลนดี้ โฮมฯ โชว์ยอดขาย 5 เดือนแรก 500 ล้านบาท โตจากปีก่อนร้อยละ 30 เผยกลุ่มบ้าน 2-5 ล้านบาทมาแรง ระบุรัฐเตรียมปรับค่าแรง ตุ้นทุนวัสดุก่อสร้างจ่อปรับราคา ส่งผลลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อหนีต้นทุนก่อสร้างบ้านใหม่ มั่นใจทั้งปีรายได้ 1,200 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 20 ตามเป้า ไตรมาส 3 จ่อปรับขึ้นราคาบ้านไม่เกินร้อยละ 1
นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทตั้งเป้าว่า จะมียอดขายรวม 1,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าที่มียอดขายรวม 1,000 ล้านบาทร้อยละ 20 โดย 5 เดือนที่ผ่านมา สามารถปิดยอดขายได้ 500 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 30 เป็นยอดขายจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 80 และต่างจังหวัดร้อยละ 20
โดยสามารถแบ่งเป็นบ้านระดับราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท ร้อยละ 16 บ้านระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท ร้อยละ 43 และบ้านระดับราคา 5.1-10 ล้านบาท ร้อยละ 25 บ้านระดับราคา 10.1-20 ล้านบาท ร้อยละ 14% และ 20 ล้านบาทขึ้นไป ร้อยละ 2% โดยกลุ่มบ้านระดับราคาบ้าน 2.5-5 ล้านบาท เป็นกุล่มราคาบ้านมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 60 โดยพื้นที่ที่ได้รับความนิยมในการสร้างบ้านมากที่สุด คือ จ.นนทบุรี
ทั้งนี้ ปัจจัยที่หนุนให้ยอดขายใน 5 เดือนแรกปรับตัวดีขึ้น คือ การพัฒนาแบบบ้านที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และตรงตามไลฟ์สไตล์ รวมถึงการให้ความสำคัญการให้บริการแบบ One Stop Service ช่วยให้กลุ่มลูกค้าเพิ่มความสะดวกในการสร้างบ้านมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การจัดแคมเปญพิเศษก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาช่วยเสริม โดยปีนี้บริษัทวางงบในการทำตลาดไว้กว่า 20 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
“ผลตอบรับที่ได้ถือว่าคุ้มค่า โดยในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่า จะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมา ประมาณ 20% โดยยอดขาย 5 เดือนแรกเป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้” นางสาวพรรัตน์ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น โตตลาดรวมเติบขึ้นร้อยละ 10-15 ส่วนในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีปัจจัยในหลายด้านที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัจจัยกระตุ้นให้เกิดลูกค้าเกิดการตัดสินใจในการสร้างบ้าน จากนโยบายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และการปรับราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาบ้านอาจจะปรับราคาขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจสร้างบ้านได้ง่ายขึ้น
“การปรับค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง ทำให้บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นราคาบ้านในไตรมาส 3 แต่ไม่เกินร้อยละ 1 เพราะห่วงกำลังซื้อลูกค้า โดยบริษัทจะหันไปลดต้นทุน โดยลดรอบ หรือระยะเวลาก่อสร้างลง ลด การใช้แรงงานโดยใช้ระบบสำเร็จรูปมากขึ้น และดีลกับซัปพลายเออร์เพื่อให้ได้ราคาวัสดุก่อสร้างที่ดีขึ้นแทนการผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้า”