การประกาศตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้นแจส ทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 7.25 บาทของ นายพิชญ์ โพธารามิค นั้น มีข่าวว่า “กุนซือ” ที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนคือ “มา ชาน ลี” นักลงทุนขาใหญ่รุ่นแรกๆ ของตลาดหลักทรัพย์
“มา ชาน ลี” หรือ “ชาญ บูลกุล” อาจไม่เป็นที่รู้จักของนักลงทุนยุดนี้ แต่ย้อนหลังไปประมาณ 40 ปี “มา ชาน ลี” เป็นนักลงทุนรายใหญ่ชื่อกระฉ่อน มีบทบาทในความเคลื่อนไหวหุ้นหลายตัว แต่หุ้นที่ทำให้ชื่อของ “มา ชาน ลี” ติดหูคอหุ้นในยุคนั้นคือ หุ้นบริษัท มาบุญครองอบพืชและไซโล ซึ่ง นายศิริชัย บูลกุล พี่ชายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หุ้นมาบุญครองฯ เป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมช่วงระหว่างปี 250-2521 ราคาเคยถูกลากขึ้นไปสูงกว่า 1,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ราคารูดลง และดูเหมือนจะปิดฉากความร้อนแรง ก่อนเกิดวิกฤต “ราชาเงินทุน” เมื่อเดือนสิงหาคม 2522 เสียอีก หลังสิ้นยุคเฟื่องฟูของหุ้นมาบุญครองฯ “มา ชาน ลี” เงียบหายไปพักใหญ่ จนตลาดหุ้นฟื้นอีกครั้งในปี 2530 จึงเริ่มกลับเข้ามาใหม่ และยังมีฐานะเป็นขาใหญ่อยู่ แต่ไม่มีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวหุ้นตัวใดสักเท่าไหร่
เดือนพฤษภาคม 2535 เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถูกจัดตั้งขึ้น “มา ชาน ลี” ลดกิจกรรมการซื้อขายหุ้นลงเพราะกลัวพลาดพลั้งกระทำความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มา ชาน ลี อธิบายเหตุผลที่ลดบทบาทการซื้อขายหุ้นเมื่อกว่า 20 ปีก่อนว่า เพราะ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มีข้อกำหนดควบคุมพฤติกรรมการปั่นหุ้นอย่างเข้มงวด ทำให้การซื้อๆ ขายๆ เข้าๆ ออกๆ ภายในเวลารวดเร็วซึ่งเคยทำได้ แต่ภายใต้กฎหมายใหม่ อาจเข้าข่ายปั่นหุ้น เมื่อต้องเสี่ยงต่อความผิดจึงยุติบทบาทดีกว่า
แม้จะไม่เข้ามาซื้อๆ ขายๆ หุ้นเหมือนอดีต แต่ มา ชาน ลี ยังวนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ รับบทเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่หลายบริษัท ผลักดันบริษัทใหม่ๆ เข้ามาระดมทุนอย่างต่อเนื่อง งานถนัดของ “มา ชาน ลี” คือ การเป็นที่ปรึกษาแก้ปัญหาฐานะทางการเงินให้หลายต่อหลายบริษัท และปรับโครงสร้างหนี้ให้บริษัทขนาดใหญ่มานับไม่ถ้วน โดยจัดหาแหล่งเงินทุนให้บริษัทต่างๆ รวมๆ แล้วน่าจะหลายแสนล้านบาท
งานที่ปรึกษาทางการเงินของ “มา ชาน ลี” จะเหมือนกับคำโฆษณาของบริษัทผลิตเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อหนึ่ง โดย “เล็กๆไม่ ใหญ่ๆ ใช่” เพราะมา ชาน ลี มักเป็นที่ปรึกษาของบริษัทขนาดใหญ่ ทำรายการใหญ่ๆ ต้องหาแหล่งเงินทุนก้อนโตๆ การที่ธนาคารไทยพาณิชย์สนับสนุนเงิน จำนวน 42,500 ล้านบาท เพื่อตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นแจส มา ชาน ลี มีส่วนสำคัญในการเจรจา และเสนอแผนการขอกู้
ก่อนหน้านี้ มา ชาน ลี เคยเป็นที่ปรึกษาการเงินในการครอบงำกิจการระหว่างบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท เหมราชพัฒนาทีดิน จำกัด (มหาชน) โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ปล่อยกู้ให้ดับบลิวเอชเอฯ ในการซื้อหุ้นเหมราชฯ ทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เงินกว่า 40,000 ล้านบาท มา ชาน ลี ตั้งบริษัทดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินมาหลาย 10 ปีแล้ว และนั่งเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งตระกูลบูลกุลถือหุ้นใหญ่
ความเชี่ยวชาญ และล้ำลึกในการวางแผนทางการเงินทำให้นักการเงินเก่งๆ หลายคนต้องยอม “ซูฮก” ให้ มา ชาน ลี ความแม่นยำในการประเมินแนวโน้มการลงทุน และคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นทำให้ผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์หลายคนยอมคารวะ ยกให้มา ชาน ลี เป็นกูรูหุ้นชั้นเทพ
การตัดสินใจล้างมือในอ่างทองคำ หันหลังจากพฤติกรรมการซื้อๆ ขายๆ หุ้น “มา ชาน ลี” คิดไม่ผิด เพราะนอกจากไม่มีชื่อเป็นเซียนหุ้นที่ถูกเพ่งเล็ง หรือเป็นขาใหญ่ที่ติดบ่วงคดีปั่นหุ้นแล้ว อาชีพการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินก็ทำให้มา ชาน ลี มีรายได้เป็นเงินก้อนโตๆ สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายไปตลอดชาติ
ค่าที่ปรึกษาของ มา ชาน ลี แต่ละงานรับเหนาะๆ นับร้อยล้านบาท ปีก่อนรับงานเทกโอเวอร์หุ้นเหมราชฯ ปีนี้รับงานตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นแจส 2 งานนี้อย่าไปบอกใคร “มา ชาน ลี” รับไปไม่น่าจะต่ำกว่า 200 ล้านบาท
ใครมีปัญหาด้านแหล่งเงินทุน หรือต้องปรับโครงสร้างหนี้ติดต่อใช้บริการ “มา ชาน ลี” ได้ เพราะจัดการให้บริษัทขนาดใหญ่ “รอด” และ “รุ่ง” มาแล้วไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย
ชุมชนคนหุ้น
สุนันท์ ศรีจันทรา