หลัง “นายพิชญ์ โพธารามิค” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้นแจส ประกาศจัดทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์-ออฟเฟอร์) หุ้นแจส ในราคาหุ้นละ7.25 บาท ราคาหุ้นตัวนี้ก็ติดจรวด วิ่งปรู๊ดขึ้นไปไม่หยุด และไม่รู้ว่าจะหยุดลงตรงไหน
หุ้นแจส จัดเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมตัวหนึ่ง ราคาเคลื่อนไหวหวือหวา มีข่าวปล่อยให้เล่นกันอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากทิ้งการประมูลสัมปทานคลื่น 4 จี เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าสัมปทาน และยอมจ่ายค่าปรับ ราคาหุ้นจึงหล่นวูบลงไปเหลือ 3 บาทเศษ
แต่ขณะที่นักลงทุนเสียขวัญทยอยทิ้งหุ้น คณะกรรมการบริษัท จัสมินฯ ก็ประกาศซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 5 บาท ใช้วงเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไป 1,200 ล้านหุ้น และทำให้ราคาหุ้นในกระดานดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด นายพิชญ์ ออกประกาศตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นทั้งหมด กระตุ้นราคาให้หุ้นพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงจนตลาดหลักทรัพย์ประกาศเข้าตรวจสอบรายการซื้อขาย และควรต้องตรวจสอบย้อนหลังถึงการขยับขึ้นมาอย่างเป็นก้าวบันได เพราะอาจมีอินไซเดอร์แอบเข้าไปเก็บหุ้นตั้งแต่ นายพิชญ์ วางแผนตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น
คำชี้แจงในการรับซื้อหุ้นคือ ความต้องการที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น และธนาคารไทยพาณิชย์อนุมัติเงินสนับสนุนการซื้อหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) รวมทั้งสิ้นประมาณ 42,500 ล้านบาท โจทย์ที่นักลงทุนต้องการคำเฉลยคือ นายพิชย์ มีเจตนาอย่างไรในการซื้อหุ้นคืน เป็นเกมราคาหรือไม่ จะกวาดหุ้นทั้งหมดไว้ในมือเพื่อเสนอขายทำกำไรต่อ หรือเป็นเพราะมองเห็นอนาคตทางธุรกิจที่สดใสจึงต้องการกอบโกยความมั่นคั่งไว้คนเดียว ไม่แบ่งปันให้นักลงทุนที่เคยถือหุ้นร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา การตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นในราคาที่แพงลิบ เมื่อเทียบกับราคาที่เคลื่อนไหวในกระดานถูกคาดเดาในแง่มุมต่างๆ และแต่ละมุมล้วนสะท้อนพฤติกรรมของ นายพิชญ์ ในด้านที่ไม่เป็นบวกนักถ้าการตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นเป็นการรวบรวมหุ้นเพื่อนำไปขายทำกำไรต่อ นายพิชญ์ อยู่ในข่ายการใช้ข้อมูลภายในเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป เพียงแต่ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อาจเล่นงานไม่ได้เท่านั้น
หรือเพราะเห็นอนาคตอันสดใสของบริษัทจึงต้องการรวบหุ้นทั้งหมดอยู่ในมือเพื่อกินคนเดียว นายพิชญ์ จะถูกมองเป็นคนเห็นแก่ได้ เมื่อกิจการมีแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่ดี จึงไม่อยากให้นักลงทุนรายอื่นเข้ามาร่วมแบ่งปัน และเป็นไปได้เหมือนกันที่การซื้อคืนจะเป็นเกมกระตุกราคาหุ้น ซึ่งหากเป็นเกมราคาก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว เพราะหุ้นแจส วิ่งเตลิดเปิดเปิงนับตั้งแต่ประกาศตั้งโต๊ะซื้อคืนราคา 7.25 บาท
ถ้าราคาหุ้นแจสยังยืนอยู่ที่ประมาณ 7.25 บาท หรือเก็งกำไรกันเลยเถิดสูงกว่าคงไม่มีนักลงทุนใดนำหุ้นไปขายให้ นายพิชญ์ เงินกู้จากไทยพาณิชย์อาจแทบไม่ต้องใช้ไม่ว่าเบื้องหลังการซื้อหุ้นคืนจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่งานนี้ถือว่า นายพิชญ์ ใจถึงกล้าเล่นไพ่ใบใหญ่มาก เพราะพร้อมจะเป็นหนี้กว่า 4 หมื่นล้านบาท เพื่อกลับมาเป็นเจ้าของบริษัท จัสมินฯ แต่เพียงผู้เดียว
แต่ผู้ที่ใจใหญ่ไม่แพ้ นายพิชญ์ ก็คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่กล้าปล่อยกู้ให้คนเพียงคนเดียวด้วยวงเงินเกือบครึ่งแสนล้านบาท ซึ่งดูเหมือนจะมีเพียงใบหุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเท่านั้น ปี 2540 สถาบันการเงินหลายแห่งต้องกระอักเลือกแทบเอาตัวไม่รอดเพราะการปล่อยกู้ โดยมีใบหุ้นของบริษัทจดทะเบียนมาค้ำประกัน เนื่องจากราคาหุ้นทรุดตัวลงมาทำให้หลักประกันไม่คุ้ม กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จนต้องตั้งสำรองหนีเผื่อสงสัยจะสูญกันวุ่นวาย
ธนาคารไทยพาณิชย์ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญการปล่อยกู้ธุรกรรมรายการใหญ่ๆ ในตลาดหุ้น เคยสนับสนุนการครอบงำกิจการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของเทมาเส็ก ปีที่ผ่านมา เพิ่งปล่อยกู้บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หลายหมื่นล้านบาท ในการซื้อหุ้นบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) และเพิ่งมีปัญหาหนี้ที่ปล่อยกู้ให้บริษัท สหวิริยาสตีล อืนดัสตรี จำกัด (มหาชน) จำนวนหลายหมื่นล้านบาท จนต้องปรับโครงสร้างหนี้
การปล่อยเงินกู้สนับสนุนธุรกรรมการตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นแจส คณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ คงพิจารณาอย่างรอบคอบ ประเมินความเสี่ยงอย่างรัดกุมแล้วจนเกิดความมั่นใจว่า วงเงินกู้ 42,500 ล้านบาท ที่ปล่อยให้จะไม่มีความเสียหาย นายพิชญ์ สามารถนำเสนอเงื่อนไข และสร้างหลักประกันจนบอร์ดแบงก์ไทยพาณิชย์ เชื่อในความสามารถชำระคืนเงินกู้ได้
ถ้าได้รู้ว่า นายพิชญ์ นำเสนอข้อมูลอะไรจนไทยพาณิชย์เชื่อมั่น และยอมปล่อยเงินให้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการตัดสินใจลงทุนหุ้นแจส แต่นักลงทุนไม่รู้อะไร มีแต่การคาดเดาแนวโน้มของกิจการ มีแต่วิ่งตามฝันของ นายพิชญ์ และเก็งกำไรท่ามกลางภาวะฝุ่นตลบเท่านั้น
ความฝันอันบรรเจิดเกี่ยวกับอนาคตของหุ้นแจส นายพิชญ์ ตีราคาไว้ที่ 7.25 บาท ส่วนนักลงทุนที่ตามแห่ไล่เคาะราคาเกินนี้ต้องถือว่า ความฝันล่องลอยไปไกลกว่าเจ้ามือเสียอีก ไม่มีใครอออกมารับประกันว่า ความฝันเกี่ยวกับอนาคตหุ้นแจสของ “พิชญ์ โพธารามิค” จะเป็นจริงหรือไม่ ดังนั้น นักเก็งกำไรที่จะไล่ซื้อฝันต้องระวังหลักกันเองแล้ว เล่นกันที่ราคาเลยเถิดเกิน 7.25 บาท ถ้าไม่มีอินไซด์จริง ขืนลุยเข้าไปจะกลายเป็นนักลงทุนประเภท “มวยวัด” พร้อมวัดดวงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับหุ้นแจส
ชุมชนคนหุ้น
สุนันท์ ศรีจันทรา