xs
xsm
sm
md
lg

“ชุมชนคนหุ้น” ... ชะตากรรมผู้ถือหุ้นเนชั่นฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


3 คำตัดสินของศาล สั่งให้การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 เป็นโมฆะ เนื่องจากกีดกันผู้ถือหุ้นบางส่วนไม่ให้เข้าร่วมประชุม ทำให้องค์กรสื่อยักษ์ใหญ่ค่ายนี้ยืนอยู่ในชะตากรรมที่ไม่แน่นอน

เพราะไม่รู้ว่า เนชั่นฯ จะบริหารงานกันต่อไปอย่างไร อะไรที่ทำได้หรือไม่ได้ และคณะกรรมกรรมบริษัทจะเสี่ยงดำเนินธุรกรรมใดๆ ที่มีนัยต่อผลดำเนินงานหรือไม่ เนื่องจากอาจถูกดำเนินคดีในภายหลังถ้าก่อความเสียหายให้บริษัท

แต่ประเด็นที่สำคัญมากกว่าคือ ใครจะปกป้องดูแลผู้ถือหุ้นฯ เนชั่น จำนวนกว่า 6,000 ราย ที่ได้รับความเสียหายจากผลกระทบจากการดำเนินงานของคณะกรรมการบริษัทฯ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรหรือไม่ที่จะสั่งพักการซื้อขายหุ้นไว้ชั่วคราว หลังจากศาลมีคำตัดสินให้การประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 เป็นโมฆะ เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่ครบถ้วนในการตัดสินใจว่า ควรจะถือ หรือขายทิ้งหุ้นเนชั่นฯ อย่างน้อยจนกว่าคณะกรรมการบริษัท เนชั่นฯ จะพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา และแจ้งให้นักลงทุนทั่วไปรับทราบ

แต่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ปล่อยให้หุ้นชั่นฯ ซื้อขายตามปกติ ทั้งที่มีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นโดยตรง และยังไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจนถึงการแก้ผลกระทบที่เกิดจากคำตัดสินของศาล

แม้ฝ่ายบริหารเนชั่นฯ จะอ้างว่า คำตัดสินให้การประชุมผู้ถือหุ้นเป็นโมฆะฯ จะเป็นขั้นตอนศาลชั้นต้นซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์

การอุทธรณ์จะนำข้อมูลการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานโทรทัศน์สปริงนิวส์ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) และนายศิร์วสิษฎ์ สายน้ำผึ้งในพฤติกรรมชักชวนร่วมกันครอบงำกิจการเนชั่นโดยไม่ถูกกฎหมาย แนบให้ศาลพิจารณา

การกล่าวโทษนักลงทุนทั้ง 3 กลุ่มเกิดขึ้นภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นเนชั่นฯ เกือบ 1 ปี ดังนั้น ข้ออ้างของฝ่ายบริหารเนชั่นฯ ศาลจะให้น้ำหนักขนาดไหน

เพราะวันที่ฝ่ายบริหารเนชั่นฯ กีดกั้นผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่นยังไม่มีกรณีการครอบงำอย่างผิดกฎหมายของนักลงทุนอีก 3 กลุ่มเกิดขึ้น ซึ่งหากรู้ว่ามีการครอบงำกิจการอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นายสุทธิชัย หยุ่น คงออกมาโวย และแจ้ง ก.ล.ต.กล่าวโทษทันทีแล้ว

การที่ผู้ถือหุ้นซึ่งไม่ได้เป็นพันธมิตรของนายสุทธิชัย ถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมประชุมนั้น น่าจะเกิดจากความกลัวของฝ่ายบริหารเนชั่นฯ มากกว่า

กลัวผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่จะเข้ามายึดอำนาจบริหาร และลงมติปลดคณะกรรมการบริหารเนชั่นฯ ชุดเก่าออกทั้งคณะ

ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่มีคะแนนเสียงมากกว่า นายสุทธิชัย ก็ไม่อาจแข็งขืนได้ จะสำคัญผิดติดยึดว่า เนชั่นฯ เป็นธุรกิจในครอบครัวของ นายสุทธิชัย ไม่ได้ เพราะเมื่อเป็นบริษัทมหาชน ระดมเงินจากจากชาวบ้านมาแล้ว ต้องยอมรับกติกาของตลาดหลักทรัพย์ ใครถือหุ้นมากกว่า ย่อมมีสิทธิมีเสียงมากกว่า

หากถือหุ้นเนชั่นฯ เกิน 51% คงไม่มีใครจะไปแย่งสมบัติส่วนตัวของนายสุทธิชัย ได้ แต่นายสุทธิชัย เหลือหุ้นเนชั่นเพียง 5% เศษ จะทำตัวเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์หรือ

การกีดกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้าร่วมประชุมนั้นเป็นเรื่องใหญ่ กระทบต่อหลักธรรมาภิบาลโดยตรง และเป็นความผิดร้ายแรงกว่าการใช้ข้อมูลภายในของฝ่ายบริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เสียอีก แต่ตลาดหลักทรัพย์กลับเงียบ

 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่กำลังเกิดปัญหาการประชุมผู้ถือหุ้น ปัจจุบัน มี 2 บริษัท คือ บริษัทเนชั่นฯกับบริษัท โพลาริสฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มที่จะเข้ามาครอบงำกิจการเนชั่นฯ แต่บรรทัดฐานการแก้ปัญหาความวุ่นวายในการประชุมผู่ถือหุ้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เนชั่นฯ กลัวการสูญเสียอำนาจจนรนราน และระดมชายฉกรรจ์มากีดกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายเข้าร่วมประชุม แต่ฝ่ายบริหารบริษัท โพลาริสฯ ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นที่มีหลักฐานแสดงสิทธิครบถ้วนเข้าร่วมประชุมได้ และเมื่อการประชุมเกิดความวุ่นวายจนคุมสถานการณ์ไม่อยู่ก็ประกาศปิดการประชุม โดยไม่ยกมติใดๆ และรอนัดประชุมใหม่

แต่เนชั่นฯ กีดกันผู้ถือหุ้นฝ่ายตรงข้ามแล้ว กลับปิดห้องประชุมผู้ถือหุ้นฝ่ายตนเอง และลงมติในหลายวาระ เมื่อศาลสั่งให้เป็นโมฆะมติที่ดำเนินงานไปแล้วจะต้องมีผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะการจ่ายเงินปันผลเฉพาะกาลเพื่อสร้างคะแนนนิยมจากผู้ถือหุ้น จำนวน 92 ล้านบาท

คณะกรรมการบริษัทฯเ นชั่นคงไม่เป็นสุขแล้ว เพราะเคราะห์กรรมรุมกระหน่ำ นอกจากถูกฟ้องร้องนับไม่ทัน ผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ก็ขาดทุนอ่วม 39 ล้านบาท ราคาหุ้นรูดต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด และยังมีปัญหาการบริหารงานอีก เพราะศาลสั่งให้การประชุมผู้ถือหุ้นเป็นโมฆะ

เนชั่นฯ เดินต่อไปบนความยากลำบากแล้ว พลาดพลั้งฝ่ายบริหารอาจต้อง “เปลี่ยนที่นอน” กัน ทางออกที่ควรพิจารณา คือ การเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติว่า จะให้ฝ่ายบริหารฯ ดำเนินการอย่างไรต่อไป และปฏิบัติตามมติผู้ถือหุ้นอย่างเคร่งครัด

อย่ากลัวว่า เปิดประชุมผู้ถือหุ้นแล้วกลุ่มทุนใหม่จะเข้ามายึดเนชั่นฯ เพราะชั่วโมงนี้การหลุดมือจากอำนาจบริหารมีความสำคัญน้อยกว่าการหลุดพ้นจากคดีมากมายก่ายกองที่ฝ่ายบริหารตกเป็นจำเลย

ไม่รู้ว่าเมื่อจบศึกการเทกโอเวอร์แล้วจะมีฝ่ายบริหารเนขั่นฯ คนใด หรือหลายคนต้อง “เปลี่ยนที่อยู่” ใหม่หรือไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นกันนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น