เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณแข็งแกร่ง เพิ่มน้ำหนักให้เฟดมีดอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กดดันราคาทองคำอ่อนตัว ประเมินแนวต้านสำคั้ญ 1,300 เหรียญ/ออนซ์ หากผ่านไปได้ต่อ หากปรับตัวลดลงอาจเห็นการปรับฐานอีกรอบ
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำ ว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมามีการอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากสกุลเงินของดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้น เมื่อกระแสการคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฝั่งสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆของอเมริกาดีขึ้นอย่างน่าสนใจ เช่น ตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานยังคงแสดงให้เห็นถึงทิศทางความแข็งแกร่งของตัวเลขในฝั่งสหรัฐฯ ที่ชัดเจนมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้เฟดอาจจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เช่นเดียวกับรองประธานเฟด “สแตนลีย์ ฟิชเชอร์” และในส่วนของประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ มีการออกมาแสดงความคิดเห็นเดียวกัน ว่า ตลาดแรงงานในฝั่งสหรัฐฯ มีทิศทาง หรือความแข็งแกร่งมากพอที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“ปัจจัยดังกล่าวสร้างดัชนีแรงซื้อเข้ามายังดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง และกดดันให้ราคาทองคำมีการอ่อนตัวลง โดยระหว่างสัปดาห์ราคามีการอ่อนตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐมีการทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์”
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องติดตาม หลังจากราคาทองคำมีการอ่อนลง และยังคงมีการผันผวน อาจจะต้องจับตาดูแรงซื้อแรงขาย เพราะราคาทองคำมีการปรับตัวลงค่อนข้างมาก อาจจะมีเกิดแรงซื้อ การรีบราวนด์ หรือการ Short ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเกิดขึ้น ทั้งนี้ อาจจะต้องไปจับตาดูการซื้อขายของกองทุน SPDR ซึ่งเป็น ETF ของราคาทองคำที่ใหญ่ที่สุดด้วย
เหตุเพราะที่ผ่านมา SPDR ยังคงมีการขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการลดการถือครองลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งอย่างไรก็ตาม SPDR ชะลอในส่วนของแรงขายก็อาจจะทำให้แนวโน้ม หรือโมเมนตัมกลับมาดีมากขึ้น แต่หากยังคงมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง แนวโน้ม หรือโมเมนตัมอาจจะมีการปรับฐานลงต่อ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจ และผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนต้องจับตาและลงทุนอย่างระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยหากราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แนวโน้ม หรือโมเมนตัมอาจจะเป็นลบมากขึ้น แต่หากราคายังคงทรงตัวอยู่เหนือบริเวณ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ราคาอาจจะมีการตั้งฐาน และรักษาอยู่ที่ระดับดังกล่าวได้ โอกาสที่จะมีการรีบราวนด์ หรือมีการดีดตัวขึ้นเป็นไปได้สูงเช่นกัน ดังนั้น บริเวณ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ จะเป็นตัววัด นักลงทุนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับดังกล่าวอาจจะมีการปรับฐาน หรืออ่อนตัวลงมาต่อบริเวณโซนแนวรับถัดไปบริเวณ 1,285 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถึงบริเวณ 1,270 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ขณะที่หากราคายืนอยู่เหนือบริเวณ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,325-1,333 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และหากผ่านระดับดังกล่าวอาจมีการขยับขึ้นต่อ ซึ่งจะทำให้แนวโน้ม หรือโมเมนตัมของราคาทองคำกลับมาเป็นบวกมากขึ้น โดยจะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,358 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์