เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ฉุดดอลลาร์อ่อนค้า เปิดทางราคาทองคำดีดตัวทำกำไรระยะสั้น เตือนนักลงทุนติดตามการแข็งค่าของเงินบาทที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันราคาทองคำขยับตัวได้น้อยกว่าต่างประเทศ ประเมินหากไม่สามารถทะลุ 1,350-1,358 ดอลลาร์/ออนซ์ อาจเกิดแรงขายทำให้ราคาอ่อนตัวลง หรือปรับฐานลงมาอีกครั้ง
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำ ว่า ที่ผ่านมาราคามีการอ่อนตัวลงแต่ไม่ได้ทำระดับต่ำสุดใหม่ ขณะที่การรีบาวนด์ หรือการดีดตัวขึ้นสามารถสร้างระดับสูงสุดได้ในรอบ 2 สัปดาห์ ทำให้แนวโน้มของราคาทองคำเป็นบวกมากขึ้น จากช่วงที่ผ่านมาที่ราคาปิดตลาดในแนวลบ อย่างไรก็ตาม ราคายังมีการขยับ และดีดตัวขึ้นได้ไม่มากนักถึงแม้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด รวมถึงความชัดเจนการออกมาตราการการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ เพราะทั้ง 2 ประเด็นไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำเหวี่ยงตัวมากนัก เนื่องจากผลการประชุมที่ออกมาเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว แต่ยังเห็นทิศทาง หรือกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวออกไป เพราะจากผลสำรวจพบว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนธันวาคมก่อนหน้าที่ระดับ 56% ได้ปรับลดลงเหลือเพียง 50% เท่านั้น ส่งผลให้ทิศทางดอลลาร์มีการอ่อนค่าลง จากการแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำขยับขึ้นได้ในช่วงสั้น
ดังนั้น แนะนำให้ติดตามทิศทางเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสวนทางต่อทิศทางราคาทองคำ โดยหากตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ราคาทองคำยังคงมีโอกาสมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคการเกษตร ประจำเดือนกรกฎาคม และอัตราการว่างงาน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นตลาดแรงงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BOE รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ของไทย ซึ่งจะส่งผลของทิศทางค่าเงินบาทในระยะถัดไป
ทำให้กลยุทธ์ในการลงทุนยังประเมินว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ถึงแม้ว่าจะมีมุมมองแนวโน้มดีในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ยังคงเป็นลักษณะการเคลื่อนไหวที่แกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยประเมินในส่วนของแนวรับอยู่ในระดับ 1,320-1,310 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือหากมีการปรับฐาน หรืออ่อนตัวลงมา นักลงทุนอาจจะใช้โซนดังกล่าวในการทยอยเข้าซื้อทองคำเพื่อหวังเกร็งกำไรจากการดีดตัว และหากขณะที่ราคาสามารถทรงตัวได้ประเมินว่าราคาอาจมีการรีบราวนด์ หรือดีดตัวขึ้นทดสอบในโซนแนวต้านกรอบด้านบนบริเวณ 1,350-1,358 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยหากราคายังไม่ผ่านในส่วนของโซนดังกล่าวอาจเกิดแรงขายทำให้ราคาอ่อนตัวลง หรือปรับฐานลงมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ นักลงทุนควรคำนวนถึงทิศทางค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าสูงสุดแตะในรอบระดับ 4 เดือน หลังจากทิศทางกระแสเงิน หรือ Fund Flow ยังคงไหลเข้าตลาดทุน และตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการแข็งค่าของค่าเงินบาทค่อนข้างมากจะทำให้ราคาทองคำภายในประเทศขยับขึ้นได้น้อยกว่าราคาทองคำตามต่างประเทศ