ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 24 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 1.78% ปิดที่ระดับ 1,366 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากความกังวลผลกระทบของ Brexit ที่อาจเริ่มก่อตัวขึ้น และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ และเศรษฐกิจทั่วโลก
หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงินว่า เสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้กำลังเผชิญภาวะท้าทาย และได้ประกาศลดการดำรงเงินกองทุนสำหรับลดความรุนแรงของวัฏจักรเศรษฐกิจลงสู่ระดับ 0% จากระดับ 0.5% โดยมีผลทันที + สหรัฐฯ รายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงานปรับลดลงในเดือน พ.ค. + นักลงทุนลดการคาดการณ์ต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจากผลกระทบของ Brexit + เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมของ FOMC ประจำเดือน มิ.ย. โดยระบุว่า ควรมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปจนกว่าเฟดจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจาก Brexit
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำย่อตัวลงเล็กน้อยหลังสหรัฐฯ เผยข้อมูลแรงงานออกมาแข็งแกร่งจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ตัวเลขจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน รวมถึงรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาลงมาทดสอบแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาเป็นแท่งเทียน Hammer และปรับตัวขึ้นตามกันกับแนวรับขาขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน + ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อ
สรุปแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นต่อ
โดยมีแนวรับ 1,330/1,335 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้าน 1,400/1,405 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์