ทองคำไร้ปัจจัยบวกช่วยผลักดัน เริ่มเคลื่อนไหวไซด์เวย์ออกด้านข้าง เหตุนักลงทุนรอดูความชัดเจนผลกระทบจากการถอนตัวของอังกฤษ อีกทั้งคาดผลประกอบการแบงก์ยังไม่สดใส ประเมินเคลื่อนไหวใกล้แนวรับ 1,290 เหรียญ/ออนซ์ หากทะยานขึ้นต้องลุ้นแนวต้านสำคัญ 1,358 เหรียญ/ออนซ์
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยแกว่งตัวออกด้านข้าง เนื่องจากถูกกดดันจากกรณีที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ มีความคิดเห็นพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมารับมือในกรณีผลกระทบจาก Brexit
ไม่เพียงเท่านี้ ประเด็นดังกล่าวยังทำให้นักลงทุนชะลอดูท่าทีว่า Brexit จะมีผลต่อเศรษบกิจโลกมากน้อยเพียงใด ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นอีกครั้ง ทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมีราคาอ่อนตัวลง
แต่การปรับตัวลดลงของของราคาทองคำยังไม่มากนัก เพราะตลาดหุ้นยุโรปยังอ่อนตัว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร เพราะมีคาดการณ์ว่า ผลประกอบการอาจปรับตัวลดลงซึ่งถือเป็นผลบวกต่อทิศทางราคาทองคำ
โดยปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ สถานการณ์การฟื้นตัวของบตลาดหุ้น และสินทรัพย์เสี่ยง หากปรับตัวขึ้นจะมีผลต่อราคาทองคำค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับ Brexit เพราะเริ่มมีกระแสสออกมาพยายามให้การ Brexit ที่เกิดขึ้นถูกยกเลิกไป ซึ่งต้องอรดดูว่าสามารถทำได้หรือไม่ และกลุ่มสหภาพยุโรปยังพร้อมรับอังกฤษกลับเข้าไปร่วมกลุ่มอีกหรือไม่ เพราะหากเกิดขึ้นจริงจะยิ่งทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง แต่หากไม่เกิดขึ้นต้องดูว่าการแยกตัวของอังกฤษจะสร้างความผันผวนได้มากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ ยังมีตังเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ต้องจับตา คือ การเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการว่างงาน ฯลฯ
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุน เนื่องจากราคาทองคำแกว่งตัวเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาชี้นำ ดังนั้น หากราคาปรับตัวงลดลง 1,300-1,291 เหรียญ/ออนซ์ ยังสามารถเข้าลงทุน และหากราคาทองคำรีบาวนด์ขึ้นมองไปที่การขายทำกำไรบริเวณ 1,354-1,358 เหรียญ/ออนซ์
“1,358 เหรียญ/ออนซ์ เรามองเป็นแนวต้านสำคัญ หรือจุดสูงสุดของปีนี้ ดังนั้น หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ที่จะอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง แต่หากผ่านด้านมีแนวต้านถัดไปที่ 1,390 เหรียญ/ออนซ์”