ติดตามความเคลื่อนไหวราคาทองคำหลังสร้างจุดสูดใหม่ ก่อนโดนแรงเทขายฉุดปรับตัวลง ภาพรวมความกังวลจาก Brexit ยังสนับสนุนราคา แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นปัจจัยลบที่สำคัญ แนะติดตามเศรษฐกิจจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นหนุนทองคำปรับตัวเพิ่ม ส่วนภาสพรวมไม่แนะนำเข้าลงทุนแบบไล่ราคาตอนทองคำขยับขึ้น แต่ควรเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ในโซน 1,335-1,311 เหรียญ/ออนซ์
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำ ว่า ราคาปิดในแดนบวกมาตลอด และสร้างจุดสูงสุดใหม่บริเวณ 1,375 เหรียญ/ออนซ์ เหตุเพราะทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับปัจจัยหนุนจากผลกระทบกรณีสหราชอาณาจักรออกจากลุ่มสหภาพยุโรป ทำให้ค่าเงินปอนด์ปรับตัวลดลงมากในรอบ 31 ปี กดดันให้สินทรัพย์เสี่ยงอ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อทองคำขึ้นไปแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ พบว่า มีแรงเทขายกดดันให้ปรับตัวลงมาจากตัวเลขอัตราการจ้างงานภาคเอกชน และตัวเลขผู้ว่างงานในภาคสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากพอ และไม่ได้รับผลกระทบจากกรณี Brexit มากนัก จึงกดันให้ราคทองคำมีการอ่อนตัวลง
ทำให้ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามต่อจากนี้ มองไปที่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งจะไปเชื่อโยงต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยรวมเชื่อว่า จะมีการจับตาดูผลกระทบจาก Brexit กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก่อนตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยสามารถติดตามการแถลงการณ์ หรือความเห็นของประธานเฟดในสาขาต่างๆ ว่ามีแนวโน้มต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีความเชื่อมั่น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจได้มากเพียงใด
นอกจากนี้ ต้องติดตามข้อเศรษฐกิจฝั่งจีน และทิศทางของค่าเงินหยวน เพราะหากเกิดความผันผวน คาดการณ์ว่าทางการจีนอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่้งปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้ราคาทองคำขยับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง
โดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ การทำจุดสูงสุดใหม่จะเห็นว่ามีแรงขายทำกำไรออกมา ประกอบกับการที่ผลตอบแทนในทองคำที่ปรับตัวขึ้นมากจากต้นปียังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงดึงดูดให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไร ดังนั้นแล้วไม่แนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ให้รอจังหวะที่ราคาปรับตัวลดลง และทยอยเข้าซื้อ
“จุด หรือโซนในการเข้าซื้อคือ 1,335-1,311 เหรียญ/ออนซ์ และแนวต้าน 1,375 เหรียญ/ออนซ์ โดยหากผ่านไปได้จะมีแนวต้านที่ 1,390 เหรียญ/ออนซ์ นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนอาจเน้นการเปิดสถานะซื้อ เพราะมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ”
