ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือคิดเป็น 3.03% ปิดที่ระดับ 1,216ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์โดยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเมษายน โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนต้า เปิดเผยว่าเฟดอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนเม.ย.นี้ + นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก ออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนเม.ย.หรือเดือนมิ.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ + นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะดีดตัวกลับสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ตามเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ รวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ เผยว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะส่งผลให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
โดยเฟดมีกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 26-27 เม.ย.ขณะที่ช่วงก่อนหน้านักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ขณะที่รายงานจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด + สหรัฐรายงานตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับจีดีพี Q4/58 ขยายตัวมากกว่าคาดที่ 1.4% ปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 1.0% สร้างแรงหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ
แนวโน้มปรับลงต่อ / แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค
ราคาทอง ปรับลงต่อเนื่องหลังหลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันและดึงให้เส้น 5 วันตัดเส้น 10 วันลงมาเกิดเป็นสัญญาณ DEAD CROSS เป็นแรงกดดันขาลง ขณะที่การแกว่งตัวอยู่ในแนวลงของรูปแบบ ROUNDING TOP + ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับลง ทำให้ราคาแนวโน้มปรับลงต่อ
แนวรับ 1185ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ / 1180ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวต้าน 1240ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ / 1245ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
