ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันศุกร์ เนื่องในวัน Good Friday
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,515.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.14 จุด หรือ +0.08% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,773.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.64 จุด หรือ +0.10% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,035.94 จุด ลดลง 0.77 จุด หรือ -0.04%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลง โดยตลาดถูกกดดันจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจเกิดขึ้นในเดือนหน้า หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะส่งผลให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
การแสดงความคิดเห็นของประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ เป็นไปในทิศทางเดียวกับนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ซึ่งต่างก็ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าเช่นกัน
แต่ในเวลาต่อมา ดัชนีดาวโจนส์เริ่มดีดตัวขึ้นและปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 268,000 ราย
ทั้งนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 55 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมัน WTI ลดลงอีก 0.8% หลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง โดยหุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ดิ่งลง 2.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.4% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.7%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.1%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันหลายวัน โดยหุ้นเชฟรอน ปรับขึ้น 1.4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเทโซโร คอร์ป ปรับขึ้น 2.1%
ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.5% ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.7% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวลง 0.5%
* ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. เนื่องในวัน Good Friday *
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,515.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.14 จุด หรือ +0.08% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,773.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.64 จุด หรือ +0.10% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,035.94 จุด ลดลง 0.77 จุด หรือ -0.04%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลง โดยตลาดถูกกดดันจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจเกิดขึ้นในเดือนหน้า หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะส่งผลให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
การแสดงความคิดเห็นของประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ เป็นไปในทิศทางเดียวกับนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ซึ่งต่างก็ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าเช่นกัน
แต่ในเวลาต่อมา ดัชนีดาวโจนส์เริ่มดีดตัวขึ้นและปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 268,000 ราย
ทั้งนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 55 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมัน WTI ลดลงอีก 0.8% หลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง โดยหุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ดิ่งลง 2.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.4% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.7%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ที่ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.1%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันหลายวัน โดยหุ้นเชฟรอน ปรับขึ้น 1.4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเทโซโร คอร์ป ปรับขึ้น 2.1%
ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.5% ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.7% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวลง 0.5%
* ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. เนื่องในวัน Good Friday *