รอยเตอร์ - 2 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ในวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) นักลงทุนมองด้านบวกเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 2 ของเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่ ปัจจัยนี้ฉุดทองคำปิดลบ ส่วนน้ำมันขยับขึ้นจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 134.29 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิด 18,506.41 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 11.32 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,163.75 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 28.33 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,034.06 จุด
ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติเป็นวันที่ 3 และ 4 ติดต่อกันตามลำดับ จากมุมมองในทางบวกของนักลงทุนเกี่ยวกับผลประกอบการช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่
คาดหมายว่าธนาครกลางอังกฤษและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เป็นปัจจัยที่สนับสนุนตลาดมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ขณะที่ในวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) วอลล์สตรีทได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังอยู่บนพื้นฐานอันแข็งแกร่ง และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดน้อยลงในอังกฤษและญี่ปุ่น
การดีดตัวของตลาดทุนก่อผลในทางลบแก่อุปสงค์สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) ขยับลงเป็นวันที่ 5 ใน 6 วันหลังสุด โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ลดลง 11.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,332.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านราคาน้ำมันฟื้นตัวแรงในวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) หลังการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยกระตุ้นอุปสงค์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 93 เซ็นต์ ปิดที่ 45.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดอลลาร์อ่อนค่าลงราว 0.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับยูโร และ 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายในรูปแบบดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่น