เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันฟื้นตัวในวันพุธ (6 ก.ค.) คาดคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ น่าจะลดลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกจากแรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยีและสุขภาพ ขณะที่ความกังวลต่อผลกระทบของเบร็กซิตยังผลักให้ทองคำพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 83 เซ็นต์ ปิดที่ 47.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 84 เซ็นต์ ปิดที่ 48.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์คาดหมายว่ารายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) จะพบว่ากำลังผลิตลดน้อยลง อันสืบเนื่องจากภาวะราคาตกต่ำ
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดหมายว่าด้วยราคาเบนซินที่ถูกลงในสหรัฐฯ ก็จะช่วยให้กระตุ้นอุปสงค์ทางพลังงาน ในขณะที่ปฏิทินของอเมริกากำลังเคลื่อนเข้าสู่ช่วงพีกสุดของฤดูกาลขับขี่
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงต้นของการซื้อขาย ก่อนแกว่งตัวขึ้นและปิดบวกในวันพุธ (6 ก.ค.) จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสุขภาพ
ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 78.00 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิด 17,918.62 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 11.18 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,099.73 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 36.26 จุด (0.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,859.16 จุด
ข้อมูลจากสถาบันจัดการอุปทานสหรัฐฯ เผยให้เห็นถึงการดีดตัวของกิจกรรมภาคบริการของประเทศในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังถูกสั่นคลอนจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ
กระนั้น วอลล์สตรีทได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสุขภาพ โดย ไกลีด ไซเอนซ์ และเซลจีน ปิดบวก 2.2 เปอร์เซ็นต์ และ 4.3 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่เฟซบุ๊ก ปิดบวก 2.4 เปอร์เซ็นต์ ซิสโก ซิสเต็มส์ ปิดบวก 1.4 เปอร์เซ็นต์ และแอปเปิล ปิดบวก 0.6 เปอร์เซ็นต์
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (6 ก.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ตามแรงช้อนซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำต่อเนื่อง สืบเนื่องจากความไม่แน่นอนที่มีต้นตอจากการลงประชามติถอนตัวจากอียูของอังกฤษ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,367.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2014