“วายแอลจี” ประเมินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเร็ววันยังมีความเป็นไปได้ กดดันราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบจำกัด แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ดูดีทั้งหมด ขณะที่แรงหนุ่นราคาทองคำขยับตัวในช่วงนี้ยังมาจากท่าทีของยูโรโซนที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ประเมินลงทุนทองคำระยะสั้นยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนดีกว่าการทยอยสะสมระยะยาว
วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวในรกอบที่จำกัด แม้จะได้รับปัจจัยหนุนจากนักลงทุนที่คลายความกังวลจากเศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซนเริ่มสดใสมากขึ้น หลัง นายมาริโอ้ ดารกี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปในปี 2016-2018 รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเข้าใกล้เป้าหมาย และ ECB ไม่ได้มีการส่งสัญญาณเสริมสภาพคล่อง หรืออัดฉีดเงินยูโรเพิ่ม ประเด็นดังกล่าวทำให้ค่าเงินยูโรดูดีขึ้น แต่ราคาทองคำกลับปรับตัวขึ้นไปได้ไม่มากนัก เพราะประธานธนาคารกลางยุโรป ส่งสัญญาณต่อความกังวลในกรณีที่จะมีการลงประชามติของชาวอังกฤษต่อการถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่กดดันราคาทองคำ และค่าเงินยูโร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังกวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจในทิศทางที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น
ทำให้ปัจจัยที่ต้องจับตาจากนี้ คือกระแสการคาดการณ์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฝั่งสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยดูที่การปราศรัยของประธานเฟด นางเจเน็ต เยลเลน ที่อาจส่งสัญญาณในเรื่องดังกล่าวว่าอยากจะให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด และระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งหรือเปล่า เพราะหากท่าทีของประธานเฟด ยังเป็นอยู่ในระดับเดิมอาจได้เห็นการปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม
“ล่าสุด คณะกรรมการเฟดในบางสาขา แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในบางส่วนยังอ่อนตัวลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจกลับมากดดันให้โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจกลับมาเป็นปัจจัยหนุนพยุงราคาทองคำไว้”
โดยกลยุทธ์ในการลงทุน จากราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่แคบลง แสดงว่า แรงขายเริ่มเบาบาง ขณะที่แรงนี้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างจำกัด โดยหากมีการรีบาวนด์ หรือดีดตัวขึ้นไม่พ้นแนวต้าน 1,239 เหรียญ/ออนซ์ การเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะเป็นไปในลักษณะเทคนิเคิลรีบาวนด์ หรือซื้อเพื่อเก็งกำไรในช่วงของการดีดตัวเท่านั้น จึงแนะนำให้ทยอยแบ่งทองคำออกขายบริเวณโซนแนวต้านดังกล่าว และรอเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว
และหากอ่อนตัวลงมาไม่สามารถอยู่เหนือ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ได้ อาจต้องถอย หรือชะลอการเข้าซื้อ และเข้าไปลงทุนบริเวณแนวรับที่ 1,185 เหรียญ/ออนซ์ ภาพรวมแนะนำนักลงทุนชะลอการซื้อทองคำแบบสะสมออกไป และเน้นการลงทุนในระยะสั้นมากขึ้น