เอแอลที เทเลคอม เผยโรดโชว์สิงคโปร์และฮ่องกง 15 และ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา กระแสตอบรับดีเกินคาด หลังโชว์กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เน้นย้ำศักยภาพโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งมีการลงทุนเพื่ออัปเดตเทคโนโลยีตลอด นักลงทุนรายใหม่ๆ สนใจ หวังขยายฐานนักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เชื่อมั่นผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อานิสงส์ค่ายมือถือเดินหน้าขยายการลงทุนรองรับ 4G
นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอแอลที เทเลคอม หรือ ALT กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูลการดำเนินธุรกิจ (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 15 สิงหาคม และที่ฮ่องกง ในวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ร่วมกับ Decker & Co. ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สถาบันในสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดชั้นนำ และตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย ซึ่งผลที่ได้จากการโรดโชว์ครั้งนี้ นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้ารับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติยังให้ความสำคัญในการเข้ามาลงทุนบริษัทจดทะเบียนในไทย ซึ่งภาพรวมยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี
ขณะที่ธุรกิจของ ALT ก็ได้รับความสนใจมากเช่นกัน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมากในอนาคต และอยู่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งมีการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ลูกค้ามีการลงทุนอยุ่ตลอด ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัท และยังมีความสามารถในการสร้างอัตรากำไรที่น่าประทับใจอีกด้วย
“การเดินทางไปเพื่อนำเสนอข้อมูลของบริษัทในต่างประเทศ เพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ซึ่งวัตถุประสงค์หลัก คือ การพบปะนักลงทุนรายใหม่ๆ เพื่อขยายฐานนักลงทุนให้กว้างขึ้น และให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจถึงธุรกิจของบริษัท รวมถึงแผนการดำเนินงาน และได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโต อีกทั้งความสามารถในการสร้างอัตรากำไรที่ดีเสมอมา ทั้งนี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งการเดินทางโรดโชว์ในครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางไป เพื่อนำเสนอข้อมูลของบริษัทในต่างประเทศเป็นครั้งแรกของ ALT ซึ่งผลตอบรับที่ออกมาถือเป็นที่น่าพอใจ โดยนักลงทุนให้การตอบรับที่ดีมาก”
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังปี 2559 ของ ALT เชื่อว่าจะเป็นช่วงที่ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องได้จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 1,015.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134.85 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่เริ่มมีแผนการลงทุนต่างๆ รองรับ 4G ออกมาหลังชะลอการลงทุนในครึ่งปีแรก ขณะเดียวกัน ปัจจุบัน บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 809 ล้านบาท ซึ่งจะเตรียมทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป