ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ มั่นใจแนวโน้มงานครึ่งปี 59 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง-กำไรแรงได้ใจ อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน-ราคาน้ำมัน-พลาสติกร่วง “สมพล ธนาดำรงศักดิ์” เผยเตรียมขยายกำลังการผลิตแผนกสีในเดือน ก.ย.นี้ เป็นไลน์อัตโนมัติ อัปงานได้อีก 35% รองรับงาน OEM ที่ไหลเข้าตรึม มั่นใจรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามแผน บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.06 บาท/หุ้น ในวันที่ 9 ก.ย.นี้
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2559 ว่า คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกำไร คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ราคาต่อหน่วยสูงขึ้น ราคาน้ำมัน และราคาพลาสติกที่ลดลง ทำให้ต้นทุนปรับตัวลดลงตาม
นอกจากนี้ ยังมีการรับงาน OEM โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่มี GP ค่อนข้างสูง ขณะที่บริษัทฯ ได้มีการขยายกำลังการผลิตในเดือน พ.ค.59 โดยเพิ่มเครื่องฉีด 650 ตัน 1 เครื่อง ซึ่งจะเพิ่มยอดกำลังผลิตสินค้ากลุ่มหน้ากระจังอีก 4.62% ในต้นเดือนสิงหาคม 2559 ได้เพิ่มเครื่องฉีดอีก 2 เครื่อง ขนาด 1000 ตัน และ 1300 ตัน ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มหน้ากระจังอีก 8.82% และกลุ่มกันชนอีก 12.5%
อีกทั้ง ยังเตรียมขยายกำลังการผลิตของแผนกสีในเดือนกันยายน 2559 เป็นไลน์อัตโนมัติ จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 35% เพื่อรองรับงาน OEM ซึ่งคาดว่าจะรับมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากก่อนหน้ามีการใช้กำลังการผลิต 72.60% ซึ่งจะทำให้ต้นทุนขายต่อหน่วยปรับตัวลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น
“บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 380 ล้านบาท ยังไม่นับรวมคำสั่งซื้อใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมทุนกับพันธมิตรในอินเดีย ที่คาดว่าจะได้ออเดอร์กว่า 360 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ฯ ในปีนี้ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปี 2560 โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีการส่งออกสินค้าไปยัง 135 ประเทศทั่วโลก และมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 85% ของรายได้รวม” นายสมพล กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับพันธมิตรในประเทศอินเดีย ภายใต้ชื่อ ALP FPI PARTS PRIVATE LIMITED คาดว่าจะสามารถเปิดโรงงานได้ประมาณเดือนมกราคมปี 2560 ซึ่งมั่นใจว่า หลังจากเดินเครื่องผลิตจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยการร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ขายส่งชิ้นส่วน และอุปกรณ์รถยนต์ในประเทศอินเดีย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเป็นผู้นำในการผลิต ขายส่งชิ้นส่วน และอุปกรณ์รถยนต์ไปในประเทศอินเดีย สอดคล้องแผนการดำเนินธุรกิจใน 5 ปี ข้างหน้า เดินหน้าขยายสาขาใน 5 ประเทศทั่วโลก โดยสนใจประเทศตุรกี อินเดีย สหรัฐอเมริกา ฮังการี และเม็กซิโก
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/59 มีรายได้รวม 509.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.88 ล้านบาท หรือ 7.35 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 474.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 74.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.94 ล้านบาท หรือ 36.68% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 54.35 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนราคาน้ำมัน ราคาพลาสติกที่ปรับตัวลดลง และออเดอร์ใหม่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทฯ มีการเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งทำให้ต้นทุนขาย และต้นทุนต่อหน่วยลดลง ผลักดันให้กำไรปรับตัวสูงขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 979.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.18 ล้านบาท หรือ 7.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 915.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 138.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.99 ล้านบาท หรือ 51.34 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 91.52 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการของบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ งวด 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท สำหรับผู้ถือหุ้นจำนวน 1,217,914,359 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 73,074,861.54 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 (Record Date) และรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2559 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กันยายน 2559