สหมิตรถังแก๊ส โชว์ผลงานงวดปี 2558 กำไรบวก 62% โดยมีกำไรสุทธิ 447.14 ล้านบาท โดยมียอดขาย 2,825.88 ล้านบาท “สุรศักดิ์ เอิบสิริสุข” เอ็มดียิ้มแก้มปริ เตรียมเอาใจผู้ถือหุ้นประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.32 บาทต่อหุ้น (พาร์ 1 บาท) คาดหวังปี 2559 ผลงานดีต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขายโต 15-20% หลังประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมถังแก๊สสดใส โดยเฉพาะดีมานด์ในตลาดต่างประเทศยังมีอีกมาก
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 2,825.88 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2557 ที่มียอดขาย 2,876.44 ล้านบาท โดยยอดขายลดลง 50.56 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 1.8% โดยสาเหตุหลักที่ยอดขายลดลง เนื่องจากราคาตลาดวัตถุดิบ เหล็กที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ทำให้ต้องปรับราคาขายสินค้าลงตามราคาวัตถุดิบ โดยสุทธิกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนลง ในขณะที่ปริมาณขายปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15%
ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 2558 อยู่ที่ 447.14 ล้านบาท จากงวดปี 2557 อยู่ที่ 275.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 171.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 62% สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้ภาษีเงินได้ และกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 42.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.5% เนื่องจากอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัดส่วนการขายในภูมิภาคที่อัตราการทำกำไรดีเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ราคาวัตถุดิบลดลง และค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อหน่วยลดลงจากปริมาณผลิต และขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและต้นทุนทางการเงินลดลง ทำให้ผลประกอบการดีขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.44 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2558 ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 1.00 บาท เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2558 โดยยังคงเหลือเงินปันผลสำหรับงวด 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2558 ในอัตราหุ้นละ 0.32 บาทต่อหุ้น (พาร์) 1.00 บาท หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 168.64 ล้านบาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน 8 เมษายน 2559 และกำหนดวันจ่ายปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2559
“ผลประกอบการในปี 2558 เติบโตสวยเป็นที่น่าประทับใจ แม้ยอดขายจะลดลงเล็กน้อย 1.8% แต่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 62 ถือเป็นการประสบความสำเร็จอย่างสูงของบริษัทฯ และทีมงานภายหลังการกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 2 ปี ที่สามารถทำกำไรดีอย่างต่อ เนื่อง และจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เฉพาะในปี 2558 ได้ปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.12 บาทต่อหุ้น (พาร์ 1 บาท และงวดครึ่งหลังของปีจ่ายปันผลอีก 0.32 บาทต่อหุ้น เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ และคาดว่าปี 2559 ยอดขายของบริษัทฯ จะยังเติบโตต่อ 15-20% จากการที่มีมูลค่างานคงค้างในมือสะสม และทิศทางตลาดต่างประเทศยังมีโอกาส ประมูลงานเพิ่มเข้ามา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดต่างประเทศเป็นช่องทางจำหน่ายสำคัญที่เพิ่มยอดขาย และกำไรสุทธิใน อนาคต” นายสุรศักดิ์ กล่าว