ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม งวดสิ้นปี 58 ขาดทุน 3.1 หมื่นล้านบาท เหตุราคาน้ำมันปรับลด และเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องทั้งปี ทำให้ต้องบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ 1,385 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีค่าใช้จ่ายทางภาษีรอการตัดบัญชี ประกาศจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 2 บาท หลังปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 1 บาท กำหนดจ่าย 11 เมษายน 59 นี้
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 58 ว่า บริษัท และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 31,590 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21,490 ล้าน เหตุราคาน้ำมันปรับลด และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องในปี 58 ส่งผลให้ PTTEP ต้องมีการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ (Impairment) 1,385 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีค่าใช้จ่ายทางภาษีรอการตัดบัญชี และภาษีอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความแตกต่างระหว่างสกุลเงินที่ใช้ในการยื่นภาษีกับสกุลเงินที่ใช้ในการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชีอีก 279 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยการบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการบันทึกตามมาตรฐานบัญชี และส่วนใหญ่ไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินสด โดยงวดนี้บริษัทมีรายได้จากการขายลดลง 1,993 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็น 45.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (สำหรับปี 2557 อยู่ที่ 63.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) แม้ว่าปริมาณการขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 322,167 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (สำหรับปี 57 เท่ากับ 312,569 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) โดยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่มาจากโครงการซอติก้า ที่เริ่มมีการขายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ในเดือนมีนาคม 57 และเริ่มมีการผลิตเต็มกกำลังในเดือนสิงหาคม 57 นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 388 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 606 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามกำไรที่ลดลง ขาดทุนจากรายการ Non-Recurring สำหรับปี 58 มี 1,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดทุนเพิ่มขึ้น 711 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปี 57 ที่มีขาดทุนจากรายการ Non-Recurring 861 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้ นอกจากนี้ ภาษีเงินได้ที่เกิดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ที่คำนวณจากผลกำไร (ขาดทุน)
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 มกราคม 59 ได้มีมติให้เสนอจ่ายเงินปันผล ประจำปี 58 สำหรับผลการดำเนินงานในอัตราหุ้นละ 3 บาท ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 58 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1 บาท (จากกำไรที่เสียภาษีเงินได้ตาม พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมทั้งจำนวน) จึงยังคงต้องจ่ายที่เหลืออีกในอัตราหุ้นละ 2 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรซึ่งเป็นกำไรที่เสียภาษีเงินได้ตาม พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 1 บาท และกำไรที่เสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร 1 บาท และกำหนดให้วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 59 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 และมีสิทธิในการรับเงินปันผล โดยจะรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551) ด้วยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 59 และจะจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 2 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 11 เมษายน 59
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 58 ว่า บริษัท และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 31,590 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21,490 ล้าน เหตุราคาน้ำมันปรับลด และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องในปี 58 ส่งผลให้ PTTEP ต้องมีการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ (Impairment) 1,385 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีค่าใช้จ่ายทางภาษีรอการตัดบัญชี และภาษีอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความแตกต่างระหว่างสกุลเงินที่ใช้ในการยื่นภาษีกับสกุลเงินที่ใช้ในการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชีอีก 279 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยการบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการบันทึกตามมาตรฐานบัญชี และส่วนใหญ่ไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินสด โดยงวดนี้บริษัทมีรายได้จากการขายลดลง 1,993 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็น 45.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (สำหรับปี 2557 อยู่ที่ 63.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) แม้ว่าปริมาณการขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 322,167 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (สำหรับปี 57 เท่ากับ 312,569 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) โดยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่มาจากโครงการซอติก้า ที่เริ่มมีการขายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ในเดือนมีนาคม 57 และเริ่มมีการผลิตเต็มกกำลังในเดือนสิงหาคม 57 นอกจากนี้ ยังมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 388 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 606 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามกำไรที่ลดลง ขาดทุนจากรายการ Non-Recurring สำหรับปี 58 มี 1,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดทุนเพิ่มขึ้น 711 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปี 57 ที่มีขาดทุนจากรายการ Non-Recurring 861 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้ นอกจากนี้ ภาษีเงินได้ที่เกิดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ที่คำนวณจากผลกำไร (ขาดทุน)
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 มกราคม 59 ได้มีมติให้เสนอจ่ายเงินปันผล ประจำปี 58 สำหรับผลการดำเนินงานในอัตราหุ้นละ 3 บาท ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 58 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1 บาท (จากกำไรที่เสียภาษีเงินได้ตาม พ.ร.บ. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมทั้งจำนวน) จึงยังคงต้องจ่ายที่เหลืออีกในอัตราหุ้นละ 2 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรซึ่งเป็นกำไรที่เสียภาษีเงินได้ตาม พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 1 บาท และกำไรที่เสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร 1 บาท และกำหนดให้วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 59 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 และมีสิทธิในการรับเงินปันผล โดยจะรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551) ด้วยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 59 และจะจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 2 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 11 เมษายน 59