บล.เอเชียเวลท์ ระบุ GDP ไตรมาส 2/59 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาว
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสภาพัฒน์ฯ ที่ประกาศมาที่ระดับ 3.5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาว
ด้านปัจจัยต่างประเทศในสหรัฐฯ เริ่มมีแรงขายทำกำไรในตลาด Wallstreet หลังจากหุ้นปรับตัวขึ้นหุ้นมาพอสมควร โดยตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ออกมาทรงตัวจากเดือน มิ.ย. จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังปรับตัวขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งส่งผลให้ความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ น้อยลง
ด้านสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/59 ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% QoQ และเพิ่มขึ้น 1.8% YoY ด้านญี่ปุ่น รายงาน GDP ไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 0.2% QoQ ชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 1.9% QoQ แต่ราคาน้ำมันที่กลับปรับตัวขึ้นมาอยู่กลางๆ ระหว่าง 40-50 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้แรงกดดันหุ้นพลังงานลดลง
ด้านกลยุทธ์การลงทุน ช่วงนี้คงต้องหลีกเลี่ยงหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวชั่วคราว และเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง และได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม นายวรุตม์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นลำบากจากการเกิดเหตุการณ์ระเบิดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะกระทบการท่องเที่ยว และตลาดหุ้นโดยรวมพอสมควร แต่หากวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี หุ้นไทยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในเอเชียที่ 21% ทำให้อาจต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่มากเท่ากรณีเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว หลังจากญี่ปุ่นหยุดขยาย QE เพิ่มทำให้พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นถูกเทขาย และทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมาย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียอื่นที่เป็นคู่แข่งใกล้เคียงกัน คือ ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยจะต้องติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อหุ้นของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งโดดเด่น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังน่าสนใจที่จะดึงดูดความสนใจกระแสเงินทุนต่างชาติที่กำลังเข้ามาหาผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจไม่เพิ่มมาตรการการเข้าซื้อพันธบัตร