ฝรั่งเดี๋ยวก็ไป ... “ชุมชนคนหุ้น” ... สุนันท์ ศรีจันทรา

ตลาดหุ้นที่ร้อนจัดขึ้นมารอบนี้จนดัชนีพุ่งทะลุ 1,500 จุด เกิดจากเหตุผลเดียวคือ นักลงทุนต่างชาติหอบเงินกลับมาไล่ซื้อหุ้น และซื้ออย่างหนักหน่วง พุ่งเป้าตะลุยเก็บหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม ปตท. กลุ่มสื่อสาร หุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด และช้อนหุ้นกลุ่มธนาคารอยู่บ้าง

  นับจากต้นปีสิ้นสุดวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นสุทธิประมาณ 66,000 ล้านบาท โดยซื้อหนักตั้งแต่วันที่11 กรกฎาคมที่ผ่านมา อัดเงินเข้าไปวันละ3,000-4,000 ล้านบาท บางวันลุยซื้อกว่า 5,000 ล้านบาท และถือเป็นปีแรกที่ต่างชาติกลับมาลุย หลังจากขายหุ้นทิ้งมาปีติดต่อ

การกลับมาของต่างชาติทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ และผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์พากันมองโลกสวย ประเมินว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นเต็มตัว โดยทำนายกันว่า ดัชนีครึ่งปีหลังจากทะยานถึงไปถึง 1,600 จุด

  ส่วนสาเหตุที่ต่างชาติแห่ขนเงินกลับก็อ้างกันว่า เป็นเพราะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น เป็นเพราะรัฐบาลกำลังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกำลังผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง

  แต่ปรากฏว่า หุ้นบริษัทรับเหมาก่อสร้างไม่ได้รับอานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้าเท่าไหร่ เพราะเป็นหุ้นที่ไม่อยู่ในสายตาฝรั่ง

พวกตะบี้ตะบันเชียร์หุ้น พวกมองโลกสวย พวกที่พูดไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่สำนึกว่าอาจชี้นำนักลงทุนไปในทางที่ผิด มองการกลับมาของฝรั่งในแง่ดีมาก แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งส่งเสียงเตือนเบาๆ ให้ระมัดระวัง

  เพราะไม่แน่ใจว่า เงินที่ไหลเข้ามาครั้งนี้จะเป็นเงินร้อนหรือไม่ จะเข้ามาเพื่อหาผลตอบแทนระยะสั้นหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเงินลงทุนระยะสั้นจะต้องระมัดระวัง

  ฝรั่งขนเงินกลับมาซื้อหุ้นเป็นความเคลื่อนไหวในด้านบวก เพราะจะทำให้บรรยากาศการซื้อขายมีความคึกคัก ราคาหุ้นขนาดใหญ่มักจะพุ่งขึ้น และทำให้ดัชนีทะยานขึ้นตาม

  นักลงทุนบางคนถือว่า การกลับมาของต่างชาติถือเป็นสัญญาณชี้นำการลงทุน โดยเมื่อฝรั่งลุยหุ้นมักจะขึ้นจึงซื้อตามฝรั่ง แต่ถ้าฝรั่งขายเมื่อไหร่จะขายทำกำไรตามทันทีเหมือนกัน

  จะยอมรับกันหรือไม่ก็ตาม แต่แรงซื้อแรงขายของต่างชาติมักมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีการทำสถิติช่วงต่างชาติขนเงินเข้ามาซื้อหุ้น และช่วงที่ต่างชาติขายหุ้นออก ขนเงินกลับ ปรากฏว่า ช่วงที่ต่างชาติมีแรงซื้อ หุ้นมักจะขึ้น แต่เมื่อขายออกหุ้นมักจะลง

การกลับมาไล่ช้อนหุ้นในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นอีกปรากฏการณ์ที่ยืนยันว่า ต่างชาติมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ต่างชาติกลับมานักลงทุนก็ดีใจ แต่ต่างชาติถอนเงินกลับไปนักลงทุนก็ใจหาย

ถ้ารู้ล่วงหน้าว่า เมื่อไหร่ต่างชาติจะกลับมาซื้อ เมื่อไหร่ต่างชาติจะทุบขายคงเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้วางกลยุทธ์การลงทุนได้ โดยซื้อหุ้นก่อนฝรั่ง หรือชิงเทขายก่อนฝรั่งทุบ

  แต่ไม่มีใครรู้ว่า ฝรั่งจะมาเมื่อไหร่ จะกลับเมื่อไหร่ เช่นเดียวกับรอบนี้

  ทุกคนรู้ และเห็นเหมือนกันเมื่อฝรั่งเข้ามาทุ่มเงินเก็บกวาดหุ้นไปแล้ว สิ่งที่ไม่รู้คือ ฝรั่งจะซื้อหุ้นอีกนานไหมจะถือไว้ยาวหรือไม่

ถ้าต่างชาติกลับเข้ามาเพราะมองว่าเศรษฐกิจเริ่มจะฟื้น ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตราการเติบโตที่ดี คงพอตั้งสมมติฐานได้ว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาต่อเนื่อง และอยู่ในตลาดหุ้นไทยยาวๆ

  แต่คำถามคือ เศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นจริงหรือ อนาคตประเทศไทยสดใสจริงหรือไม่ ผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราที่ดีจริงหรือเปล่า

  ยังไม่มีใครบอกได้ว่า เงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นในรอบสัปดาห์เดียว โดยซื้อหุ้นสุทธิทุกวันรวมประมาณ 20,000 ล่านบาทนั้น เป็นสัญญาณการไหลบ่าของเงินทุนอย่างต่อเนื่องหรือไม่

  เช่นเดียวกัน ไม่มีใครบอกได้ว่าเงินที่เข้ามาเป็นเงินร้อน หรือเงินเย็น เป็นเงินที่เข้าเร็วออกเร็วหรือไม่

  แต่ปรัชญาการลงทุนที่สำคัญนั้น จะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเป็นอันดับต้น แค่ฝรั่งไม่ไล่ซื้อหุ้นต่อตลาดก็เดินหน้าไม่ไหวแล้ว

  และถ้าหันกลับมาขายเมื่อไหร่ดัชนีอาจปักหัวลงทันที เพราะราคาหุ้นแถวนี้ ไม่ถือว่า “ของถูก” แล้ว

  ค่าพี/อี เรโช เกือบ 23 เท่า ขณะที่แนวโน้มผลกำไรบริษัทจดทะเบียนไม่น่าเติบโตมากมาย ถ้าใครบอกว่าหุ้นยังถูกอยู่คงฟุ้งซ่านมากไปแล้ว 

สุนันท์ ศรีจันทรา