xs
xsm
sm
md
lg

โกลเบล็ก จับตาดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,440 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองปัจจัยหนุนหุ้นไทยระยะสั้นจากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาทอ่อนค่าสนับสนุนการส่งออก ดังนั้น ประเมิน SET น่าจะทดสอบแนวต้านระดับ 1,440 จุด แนะเก็งกำไรหุ้น CK-IVL และกลุ่มพลังงาน ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยให้มีแนวรับ 1,175-1,170 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,230-1,235 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ประจำเดือน เม.ย.59 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า สัญญาณเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นจากการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดก่อสร้าง โดยมีการใช้จ่ายรัฐบาลที่ขยายตัวสูงที่ 16.8% เป็นปัจจัยสนับสนุน รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ทำให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริงกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ ประกอบกับราคาน้ำมันที่อยู่ใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับดีขึ้นจากจุดต่ำสุดที่หลุดต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงต้นปี หนุนการกลับมาลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และในเดือนมิถุนายนนี้ คาดจะมีการเปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีส้ม เส้นทางมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม สายสีชมพู เส้นทางแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรง ซึ่งภาครัฐมีนโยบายเร่งเปิดประมูล โดยจะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน (PPP) เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าระหว่าง 14-15 มิถุนายนนี้ จากคำแถลงการณ์ของ นางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าหากเศรษฐกิจขยายตัวตามคาด และการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้รายงานตัวเลขประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 อยู่ที่ 0.8% ปรับดีขึ้นจากประมาณการเบื้องต้นที่อยู่ที่ 0.5% รวมทั้งตัวเลขการส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 59 ที่หดตัว ทำให้หลายสำนักวิจัยกังวลว่า แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งปีอาจทำได้ไม่ถึง 3%

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ และต่างประเทศ เช่น วันที่ 31 พฤษภาคม ธนาคารแห่งประเทศไทย มีกำหนดรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือน และในวันที่ 1 มิถุนายน สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยสต๊อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อราคาน้ำมัน รวมทั้งสหรัฐฯ กลุ่มประเทศยูโรโซน และญี่ปุ่น มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่า ภาวะการผลิตโดยรวมขยายตัว ทรงตัว หรือหดตัว และในวันที่ 2 มิถุนายน ธนาคารกลางสหรัฐฯ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ (Beige Book) ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมเดือนมิถุนายน

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสนับสนุนการส่งออก รวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือน มิ.ย.มีมากขึ้น

ดังนั้น ประเมินว่า SET น่าจะอยู่ในทิศทางขาขึ้นโดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,435-1,440 จุด โดยหุ้นที่แนะนำลงทุน ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นแนะนำพิเศษ ได้แก่ CK ซึ่งคาดว่า ไตรมาส 2/2559 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ CK เนื่องจากเริ่มรับรู้งานส่วนเพิ่มของไซยะบุรี ตามที่กล่าวไปแล้ว และได้รับเงินปันผลจาก TTW ราว 230 ล้านบาท ช่วยหนุนผลประกอบการ รองลงมา คือ หุ้น IVL ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาฝ้ายเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งล่าสุด อยู่ที่ระดับ 64.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 39 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 3.11% ปิดที่ระดับ 1,212 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายรายออกมาให้ความเห็นสอดคล้องกันถึงแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่ นางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าถ้าหากเศรษฐกิจมีการขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย.สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2008 และเป็นการรายงานตัวเลขประมาณการ ครั้งที่ 2 สำหรับจีดีพีประจำไตรมาสแรก อยู่ที่ 0.8% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 0.5% บวกกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือน พ.ค. รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรง หลังรายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนย้ายการลงทุนจากตลาดทองคำมายังตลาดหุ้นแทนเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ จะยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ยังคงปรับลงต่อเนื่องตามรูปแบบลง V-SHAPE ที่สอดคล้องต่อแรงกดดันแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ขณะที่การเรียงตัวขาลงของแท่งเทียนเป็นสัญญาณแรงขาย ทำให้ราคาแนวโน้มปรับลงต่อ อย่างไรก็ตาม การปรับลงมาจบรูปแบบลง V-SHAPE และค่าสัญญาณ RSI เริ่มมีภาวะขายมาก จะช่วยลดแรงถ่วงให้ราคาทองหลังจากนี้จะปรับลงไม่แรง และมีแนวโน้มที่จะสร้างฐานราคาเพื่อฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่ โดยมีแนวรับ 1,175-1,170 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,230-1,235 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น