ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง $39/Oz หรือคิดเป็น 3.11% ปิดที่ระดับ $1,212/Oz โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายรายออกมาให้ความเห็นสอดคล้องกันถึงแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าหากเศรษฐกิจมีการขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น + สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย. สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2008 + รายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับจีดีพีประจำไตรมาสแรกอยู่ที่ 0.8% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 0.5% + ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค. รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรงหลังรายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนย้ายการลงทุนจากตลาดทองคำมายังตลาดหุ้นแทนเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไปช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ จะยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
ขณะที่แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคราคายังคงปรับลงต่อเนื่องตามรูปแบบลง V-SHAPE ที่สอดคล้องต่อแรงกดดันแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ขณะที่การเรียงตัวขาลงของแท่งเทียนเป็นสัญญาณแรงขาย ทำให้ราคาแนวโน้มปรับลงต่อ อย่างไรก็ตาม การปรับลงมาจบรูปแบบลง V-SHAPE และค่าสัญญาณ RSI เริ่มมีภาวะขายมากจะช่วยลดแรงถ่วงให้ราคาทองหลังจากนี้จะปรับลงไม่แรง และมีแนวโน้มที่จะสร้างฐานราคาเพื่อฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่
สรุปแนวโน้มทองคำมีโอกาสปรับลงต่อแต่ไม่มาก และมีโอกาสเกิดจุดกลับตัวทางเทคนิค
โดยมีแนวรับ 1,175/1,170 แนวต้าน 1,230/1,235