สถาบันการเงินเริ่มเทน้ำหนักให้ทองคำ สนับสนุนการเติบโตระยะยาวของราคา แต่เฟดยังส่งสัญญาณขู่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงมิถุนายนเข้ากดดัน จับตาตัวเลขเศรษฐกิจมะกันช่วยเพิ่มความชัดเจนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำที่ผ่านมา ว่า ราคามีการขยับขึ้นหรือปรับฐานขึ้นหลังจากที่ธนาคารต่างๆ เริ่มมีแนวโน้ม หรือทิศทางเชิงบวกต่อราคาทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด “โกลด์แมน แซคส์” ได้มีการเปิดเผยว่า มีการขายหุ้นในฝั่งสหรัฐฯ ออกมา และมีการนำเงินบางส่วนโยกเข้ามาลงทุนในตลาดทองคำเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็มีการกลับเข้ามาซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนือง ประเด็นดังกล่าวสร้างมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำระยะยาวเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรแล้ว ราคาทองคำเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาค่อนข้างมาก หลังจากรายงานของคณะกรรมการ FOMC ประจำเดือนเมษายน ชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือว่าเฟดมีการบ่งชี้่ว่า มีแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ขึ้น และมีแนวโน้มว่าเฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือนมิถุนายน
ดังนั้น ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา คือ ต้องมาดูการแถลงการของเจ้าหน้าที่เฟดของสาขาต่างๆ เพราะจากสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นค่อนข้างชัดเจนว่าการออกมากล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบาย หรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของทิศทางราคาทองคำ ดังนั้น กระแสการคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันทิศทางของราคาทองคำ
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เพื่อเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง หากตัวเลขออกมาเศรษฐกิจมีการเติบโตจะมีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปได้สูง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางในฝั่งเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ได้ชัดเจนมากขึ้น
โดยกลยุทธ์การลงทุน เนื่องจากราคาทองคำมีการปรับฐาน หรืออ่อนตัวลง หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูงอาจจะใช้โซนแนวรับในส่วนของ 1,230-1,240 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ในการเข้าพิจารณาความเสี่ยงเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหวังการดีดตัว หรือการรีบราวน์ขึ้นของราคาเพื่ออาจทยอยนำทองคำออกขาย
แต่หากราคาไม่ผ่านโซนแนวต้านย่อยระดับ 1,275 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ หรือหากราคาเกิน และทำแรงขายลงมาอาจจะต้องจับดูว่า 1,230 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ สามารถรับอยู่ หรือตั้งฐานได้หรือไม่ หากมีแรงขายค่อนข้างมากจนราคาไม่สามารถตั้งฐานได้มีโอกาสที่จะปรับฐาน หรืออ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 1,200 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์
และหากในโซนดังกล่าวราคาทองคำสามารถตั้งฐานได้ ราคายังมีโอกาสดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,290-1,300 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งนักลงทุนควรเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา พร้อมพิจารณาค่าเงินบาทเพื่อตัดสินใจการลงทุน หลังจากที่ผ่านมา ค่าเงินบาทมีการอ่อนค่าค่อนข้างมาก