ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปี ทองคำปรับตัวขึ้นประมาณ 21% จึงถือได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของนักลงทุนทองคำก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นในขณะนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ นโยบายทางการเงิน การเคลื่อนไหวของสกุลเงิน รวมทั้งปัจจัยทางเทคนิคล้วนแต่ยังคงเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวกต่อราคาทองคำ ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Kitco ได้ระบุถึงปัจจัยที่จะหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นในปี 2016 โดยปัจจัยต่างๆ มีดังนี้
1.การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงซบเซา
จะเห็นได้ว่า มีการปรับลดการคาดการณ์ GDP ของประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจ G-3 อย่างต่อเนื่อง เช่น ธนาคารเครดิตสวิส ได้ทำการปรับลดการคาดการณ์ GDP ญี่ปุ่น ปี 2016 เหลือเพียง 0.4% จากเดิม 0.9% นอกจากนี้ ธนาคารเครดิตสวิส ยังคาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ 1.7% ขณะที่ GDP ในยูโรโซนจะอยู่ที่ 1.5% แนวโน้มการเจริญเติบโตของโลกที่ชะลอตัวลง จะทำให้ธนาคารกลางจะยังคงคำเนินนโยบายผ่อนคลายทางเงิน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
2. ารคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปของสหรัฐฯ
รายงานการจ้างงานประจำเดือนเมษายน ได้ลดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในเดือนมิถุนายน โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 160,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นราว 202,000 ตำแหน่ง ขณะที่ BNP Paribas คาดว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2016 และปัจจัยนี้จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
3.ความต้องการทองคำอย่างแข็งแกร่งของนักลงทุนชาวตะวันตก
กระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETFs ทองคำอย่างแข็งแกร่งในช่วงในไตรมาสแรก ขณะที่ถึงแม้ความต้องการเครื่องประดับจีนจะลดลงในช่วงไตรมาสแรกของของปี 2015 จากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีน ส่งผลทำให้นักลงทุนชาวตะวันตกก้าวเข้าสู่ตลาดทองคำ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ กองทุน ETFs ได้ทำการเพิ่มการถือครองทองคำถึง 330 ตัน ขณะที่กระแสเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุน ETFs ทองคำในเดือนเมษายนยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นใน เม.ย.อีกกว่า 40 ตัน
4.ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ตลาดมีการปรับฐาน
“Sell in May and Go Away” ถือได้ว่า เป็นคำกล่าวเก่าแก่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ให้นักลงทุนขายในเดือนพฤษภาคม เพราะส่วนมากตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะร่วงเดือนพฤษภาคมด้วยปัจจัยต่างๆ ซึ่งจากสถิติย้อนหลังพบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นปี และขึ้นถึงจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคม จากนั้นตลาดจะปรับตัวลง และตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งหากตลาดหุ้นปรับตัวลงจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
5.ดัชนีดอลลาร์ที่เผชิญต่อภัยคุกคาม
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ หลังจากในช่วงต้นสัปดาห์อ่อนค่าลงไปแตะระดับ 92.60 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ถึงแม้ในช่วงนี้สกุลเงินดอลลาร์จะมีการดีดกลับขึ้นมาบ้าง แต่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอาจจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2016 จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
6.ปัจจัยทางเทคนิคที่บ่งบอกว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
ทั้ง 6 ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในปี 2016 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามข่าวสารเพื่อประเมินสถานการณ์อยู่เสมอ เพราะหากปัจจัยต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงย่อมจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรในระยะสั้น โดยกำหนดจุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุนอยู่เสมอเพื่อให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุนทองคำตลอดปี 2016 นี้