xs
xsm
sm
md
lg

“โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่ให้กรอบดัชนี 1,400-1,430 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองดัชนีหุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกใหม่ๆ จับตานักลงทุนต่างชาติโยกเงินลงทุนไทยมากขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รอจังหวะชอปหลังแจ้งงบไตรมาส 1/59 ภายในกลางเดือน พ.ค.นี้ คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,430 จุด แนะเก็งกำไร STA-TRUBB รับอานิสงส์ราคายางฟื้นตัวถึง 47% เทียบจากปีก่อน ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 195 เยน/กิโลกรัม บวกกับการที่ ครม.อนุมัติวงเงิน 5,479 ล้านบาท พยุงราคายาง ด้านราคาทองมีแนวโน้มขึ้น ให้กรอบแนวรับที่ 1,220-1,215 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,275-1,280 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามคาด และส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อีกทั้งมองว่าเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าไทยอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงต่ำลง บวกกับเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยกัน นอกจากนี้ ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2559 ขึ้นสู่ระดับ 41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมที่คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบไว้ที่ระดับ 37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงต้องจับตาประเด็นเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ เช่น การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ คาดว่า BOJ จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มด้วยการใช้นโยบาย QE มากกว่าการใช้ดอกเบี้ยติดลบเพื่อแก้ปัญหาส่งออก ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนตัว รวมทั้งทางสหรัฐฯ เองจะมีการรายงานตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 1/2559 ในวันที่ 28 นี้ และ ธปท.ของไทยจะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนวันที่ 29 เม.ย.นี้ และยูโรโซนเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 1/2559

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,430 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับกระแส Fund Flow ต่างชาติชะลอการเข้าซื้อหลังจาก P/E ของ SET ไทยพุ่งขึ้นมาที่ระดับ 21 เท่า ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในระยะสั้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มองว่าการย่อตัวเป็นจังหวะเข้าซื้อต่อเนื่องจากมีประเด็นการประกาศงบไตรมาส 1/2559 ที่จะทยอยประกาศถึง 16 พ.ค.นี้

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในการซื้อสะสมแบบ Selective Buy ในหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1/2559 เติบโต เช่น AOT BA AAV EPG CPF WORK SMT LPN PTG BJCHI COM7 BANPU TWPC TVD และ XO นอกจากนี้ แนะนำเก็งกำไรหุ้น STA TRUBB รับปัจจัยบวกจากราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยล่าสุด อยู่ที่ระดับ 195 เยน/กิโลกรัม และการที่ ครม.อนุมัติวงเงิน 5,479 ล้านบาท สำหรับใช้ในโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นๆ ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์จากแรงหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านใหม่ลดลงผิดคาดในเดือน มี.ค. และการรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน มี.ค. รวมถึงดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน ก.พ.

ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลงหลังธนาคารบาร์เคลย์ ระบุว่า ยังไม่เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น หรือคงอยู่ที่ระดับเดิมได้ มอร์แกน สแตนลีย์ เผยว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเกิดจากคำสั่งซื้อของเฮดจ์ฟันด์ โดยไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน ทำให้นักลงทุนบางส่วนออกจากตลาดน้ำมัน และมาลงทุนในตลาดทองคำแทน ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเฟดในวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ และคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

ส่วนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะขยายนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ซึ่งจะสร้างแรงหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ประเมินว่า แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ โดยล่าสุด ราคาทองเริ่มสร้างแท่งเทียนที่เรียงตัวเป็นขาขึ้นระยะสั้น และสามารถไต่ขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันที่แกว่งตัวใกล้กัน ทำให้ราคาทองกลับมาอยู่ในแนวขึ้นไหล่ขวาอีกครั้ง และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อ จึงให้กรอบแนวรับที่ 1,220-1,215 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,275-1,280 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น