xs
xsm
sm
md
lg

บล.โกลเบล็ก ชี้แนวโน้มราคาทองคำปรับรอบใหม่รับแรงหนุนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก ชี้ราคาทองคำเริ่มปรับขึ้นรอบใหม่จากแรงหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ให้แนวรับ 1,100-1,095 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,145-1,150 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ด้านตลาดหุ้นไทยคาดปรับตัวขึ้น ให้แนวต้าน 1,290-1,300 จุด แนะซื้อสะสมกลุ่มที่คาดว่าจะประกาศงบปี 2558 เติบโตดี ได้แก่ EPG, QTC, FSMART, KCE, TVT, GL, BEAUTY, BRR, EA, SYNEX, SMPC, SPALI, ORI

นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำเริ่มปรับขึ้นรอบใหม่จากแรงหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 27 ม.ค.59 และอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. บวกกับจีนเผยรัฐวิสาหกิจ (SOE) ของจีนมีกำไรลดลงในปี 2558 ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 25 ปี ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในทองคำเพื่อลดความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะย่อตังลงช่วงสั้นๆ ได้จากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรงอีกครั้ง จากรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตเพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมัน และเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด ประกอบกับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาสดใสจากตัวเลขราคาบ้านในสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือน พ.ย. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือน ม.ค. อาจทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะย่อตัวลงจากแนวโน้มที่นักลงทุนจะย้ายมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น

ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มราคาทองคำจะปรับขึ้นต่อ โดยด้านเทคนิคราคาทองฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS ด้วยการสร้างแท่งเทียนสัญญาณบวกที่ทำจุดสูงสุดใหม่และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อตามแนวขึ้นรูปแบบ Rounding Bottom ใหญ่ โดยให้แนวรับ 1,100-1,095 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,145-1,150 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (28 ม.ค.-3 ก.พ.2559) ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ยืนได้ระดับ 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลดีต่อกลุ่มพลังงาน รวมถึงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% ต่อไป อีกทั้งรัฐบาลเร่งอัดฉีดงบประมาณ และเซ็นสัญญาโปรเจกต์ยักษ์ ทางหลวง รถไฟทางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือแหลมฉบัง มูลค่า 9 แสนล้านบาทภายในปีนี้

อย่างไรตาม ก็ยังมีปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนธันวาคม 2558 ลดลง 8.73% ซึ่งติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงตัวเลขการนำเข้าลดลง 9.23% และเกินดุลการค้า 1,487 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทั้งปี 58 ตัวเลขส่งออกลดลง 5.78% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 ปี ประกอบกับสถาบันจัดอันดับเครดิต “มูดี้ส์” เตรียมหั่นเครดิต TOP, PTTGC, IRPC ตาม PTT โดยจะรู้ผลในช่วงสิ้น Q1/59 นี้

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,290-1,300 จุด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับแรงซื้อดักผลประกอบการ และปันผลปี 2558 ที่จะทยอยประกาศจนถึงเดือน ก.พ. เป็นแรงหนุนต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า

แนะนำซื้อสะสมกลุ่มที่คาดว่าจะประกาศงบปี 2558 เติบโตดี ได้แก่ EPG, QTC, FSMART, KCE, TVT, GL, BEAUTY, BRR, EA, SYNEX, SMPC, SPALI, ORI รวมถึงเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันสามารถสร้างฐานราคาได้


กำลังโหลดความคิดเห็น