xs
xsm
sm
md
lg

“โกลเบล็ก” ชี้ปัจจัยเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยกด หุ้นไทยคาดแกว่ง 1,230-1,240 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS
บล.โกลเบล็ก มองดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐช่วงสั้น เหตุปัจจัยเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อการลงทุน บวกเม็กเงินลงทุนต่างชาติไหลออกมากขึ้น มองแนวรับดัชนี 1,230-1,240 จุด ด้านราคาทองมีแนวโน้มปรับขึ้นในกรอบจำกัดโดย ให้แนวรับ 1,070-1,065 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,110-1,120 เหรียญต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากนโนบายภาครัฐ ล่าสุด ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลจะเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งด้านการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐให้มีการขยายตัวเพิ่มจากปี 2558 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.9-3%

ส่วนด้านตลาดต่างประเทศ ธนาคารกลางจีนวางแผนอัดฉีดเงินมูลค่า 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการเงินเพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน หลังตลาดหุ้นจีนร่วงลงแรงจนต้องใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ เพื่อลดความผันผวนของตลาด

อย่างไรตาม ปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยืนยันจะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อที่ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ Fund flow การที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลงจากภาวะอุปทานล้นตลาด

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ปัจจัยลบความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังจากตัวเลข PMI ทั้งภาคการผลิต และบริการหดตัวลง นอกจากนี้ กองทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากมุมมองเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2559 รวมถึง Preview งบปี 2558 ของกลุ่มธนาคารที่คาดว่ากำไรจะปรับลดลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย

ดังนั้น คาดว่า SET ในจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1,230-1,240 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มขนส่งและโรงแรม จากการเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว แนะนำ AOT, BA,AAV, CENTEL, MINT และ ERW กลุ่มที่คาดว่างบปี 2558 และผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 เติบโตขึ้น แนะนำ EPG, DCC, QTC, FSMART, KCE, EA, GL, BEAUTY และ BRR และกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มอาหาร ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงต้นสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก สาเหตุจากความกังวลภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนธันวาคมปรับลดลง บวกกับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และคาบสมุทรเกาหลี

ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม ปรับลดลงเช่นกัน บวกกับรายงานการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างปรับลดลงในเดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และมาลงทุนในทองคำแทนเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาเผยว่า เฟดจะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยคาดว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 หรือ 5 ครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายประเมินว่า อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปี 2559 โดยเฟดจะมีการประชุมครั้งแรกของปี 2559 ในวันที่ 26 ถึง 27 มกราคมนี้ ซึ่งแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิค ราคาทองฟื้นตัวเป็นแท่งเทียนสัญญาณบวกผ่านยืนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันขึ้นมายืนได้ และดึงให้เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันปรับขึ้นตามกัน สร้างแรงหนุนการฟื้นตัวให้แข็งแกร่งขึ้น บวกแรงหนุนค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้นทำให้ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแนวโน้มหลักยังอยู่ในแนวพักตัวเพื่อสร้างฐานราคา ซึ่งจะกดดันให้ราคาทองแนวโน้มปรับขึ้นในกรอบจำกัด โดยให้แนวรับ 1,070-1,065 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,110-1,120 เหรียญต่อทรอยออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น