บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยสะท้อนปัจจัยหนุนจากมติอนุมัติการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน “Thailand Future Fund” บวกแรงซื้อกองทุน LTF-RMF ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี จับตาแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดที่เป็นปัจจัยกดดัน ให้กรอบดัชนี 1,290-1,325 จุด ด้านราคาทองมีแนวโน้มปรับลง โดยให้แนวรับ 1,045-1,040 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,085-1,090 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ครั้งสุดท้ายของปี 2558 มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามคาด โดยประเมินว่าภาวะการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการจัดตั้ง “Thailand Future Fund” ขนาด 1 แสนล้านบาท โดยเบื้องต้น กระทรวงการคลังจะลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ด้วยการนำเงินของกองทุนวายุภักษ์มาแปลงเป็นเงินลงทุนในกองทุนนี้ และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงทุนอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินการซื้อกองทุน LTF-RMF ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2558 เพื่อลดหย่อนภาษีช่วยหนุนตลาด
นอกจากนี้ ยังคาดว่าส่วนปัจจัยที่มองว่าจะกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก 0.25% เป็นไปตามตลาดคาด และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งเหตุก่อการร้ายที่หากมีความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นสงคราม อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยทิศทาง SET ในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,290-1,325 จุด เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ทำให้ Fund flow นักลงทุนต่างชาติชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลให้ Volume ตลาดหดตัวลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเม็ดเงินจาก LTF- RMF จะเป็นแรงหนุนต่อดัชนีจนถึงช่วงท้ายปี
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงานจากการจับฉลาก Solar Farm หน่วยงานราชการและสหกรณ์ ในวันที่ 22 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ SOLAR SUPER IFEC SIAM GUNKUL TSE กลุ่มขนส่ง และโรงแรมที่ได้ประโยชน์จาก High Season การท่องเที่ยว และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ได้แก่ AOT BA AAV THAI CENTEL MINT และกลุ่มธนาคาร Valuation น่าสนใจโดย P/E กลุ่มที่ 8.9 เท่า และ P/BV 1.1 เท่า หุ้นเด่นแนะนำ KTB BBL
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในแนวโน้มขาลง โดยปัจจัยกดดันหลักยังมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) สอดคล้องต่อการส่งสัญญาณก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดก็ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานลดต่ำลง และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด โดยล่าสุด รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.2% ได้หนุนกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะสร้างแรงหนุนต่อค่าเงินเหรียญสหรัฐให้แข็งค่าขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาทองปรับลงตามแนวโน้มลง BEARISH FLAG ที่ซ้อนอยู่ในแนวลงรูปแบบ V-SHAPE โดยที่เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน เริ่มตัดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันลงมาเป็นสัญญาณ DEAD CROSS เป็นแรงกดดันเสริม ขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคยังเป็นลบ ทำให้ราคาทองแนวโน้มปรับลงต่อเพื่อจบแนวลงรูปแบบ V-SHAPE โดยให้แนวรับ 1,045-1,040 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,085-1,090 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์