xs
xsm
sm
md
lg

แนะจับตามาตรการกระตุ้นการลงทุนระยะสั้นที่คลังจะชง ครม. ในเร็วๆ นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก เผยปัจจัยหนุนในระยะนี้จะเห็นข่าวความคืบหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ แนะจับตามาตรการกระตุ้นการลงทุนระยะสั้นที่คลังจะชง ครม.ในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเรื่องการกระตุ้นให้นักลงทุนเร่งตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้น พร้อมมองกรอบ SET สัปดาห์หน้า 1,400-1,430 จุด ด้านราคาทองอยู่ในเทรนด์ปรับขึ้น

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการขับเคลื่อนเดินหน้ามาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ทำให้ระยะนี้จะเห็นข่าวความคืบหน้าในการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ เช่น การเปิดประมูล 4G หรือโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นนั้น เช่น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือการให้เงินกู้ soft loan เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยลบจากคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ที่คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 2.8% จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวได้ราว 3% เนื่องจากการส่งออกแย่กว่าที่คาด โดยปีนี้การส่งออกมีแนวโน้มติดลบมากกว่า 5% ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงสัปดาห์นี้นั้นให้จับตามาตรการกระตุ้นการลงทุนระยะสั้น ที่กระทรวงการคลังจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นกระตุ้นให้นักลงทุนเร่งตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้น

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET โดยระบุว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าต้องติดตามการประชุม FOMC ในวันที่ 27 ถึง 28 ตุลาคม 2558 นี้ ว่า จะพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยอย่างไร ซึ่งหาก FED คงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำที่ 0-0.25% คาดว่า Fund Flow ต่างชาติจะยังทยอยเข้าตลาดหุ้นไทย แต่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินทุนไหลออก และจะกดให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนเนื่องจากรอประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2558 ของกลุ่ม ICT ที่คาดว่ากำไรจะชะลอตัวลงเช่นเดียวกับกลุ่ม BANK

ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งพักตัวในกรอบ 1,400-1,430 จุด แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มที่คาดว่ากำไร ผลประกอบการไตรมาส 3/2558 เติบโต ได้แก่ BANPU DCC KCE SVI SIRI QTC SAMTEL TVT KAMART MTLS SYNTEC EPG รวมถึงการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยว และเที่ยวบินเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อ AOT CENTEL MINT และรวมไปถึงกลุ่มค้าปลีก CPN ROBINS ที่มาจากการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปี

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มพักตัวลงช่วงสั้นๆ จากแรงขายทำกำไรหลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึงแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จากการที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ในการประชุมโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมานี้

อย่างไรก็ตาม จากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยขยายตัวเพียง 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี จะดึงดูดให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในทองคำอีกครั้งเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่กระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุด นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งยังคงสร้างความไม่แน่นอนในเรื่องดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

ดังนั้น ประเมินราคาทองคำโลก ด้านเทคนิคราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับขาขึ้นเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน หลังพักตัวช่วงสั้นๆ จากการขึ้นมาจบรูปแบบ W-SHAPE ขณะที่ช่วงของการพักตัวเป็นการพักฐานในช่วงแขนรูปแบบขึ้น BULLISH FLAG ขณะที่การแกว่งตัวหลักยังเป็นแนวโน้มขึ้น ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นรอบใหม่ตามแนวโน้มขึ้นหลักที่ยังคงอยู่ โดยให้แนวรับ 1,150-1,145 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,200-1,205 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น