xs
xsm
sm
md
lg

คาดกำไรแบงก์ Q3 ชะลอตัว บาทอ่อนหนุนส่งออกโค้งสุดท้าย จับตาจีนลดกันสำรองแบงก์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก ชี้แนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ 1,335-1,365 จุด ระบุ ตลาดยังไร้ปัจจัยหนุน คาดกำไรแบงก์ Q3/58 ชะลอตัว ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง คาดว่าจะหนุนภาคการส่งออกในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับลดสัดส่วนกันสำรองของแบงก์พาณิย์ เพื่อกระตุ้น ศก.ที่ยังอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสภาพคล่องระยะสั้นที่ตึงตัวอันเนื่องมาจากการแทรกแซงตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมา

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากแต่ละกระทรวง และการเดินหน้าโครงการด้านพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เร่งเปิดประมูลให้ทันภายในปีนี้ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางมอเตอร์เวย์ 3 สาย

นอกจากนี้ S&P คงอันดับเรตติ้งประเทศไทยไว้ที่ BBB+ จากมุมมองสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง และการประท้วงได้จบลงแล้ว และย้ำว่ายังให้น้ำหนักการติดตามผลสำเร็จโครงการลงทุนด้านการศึกษา และโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องคาดว่าจะหนุนภาคการส่งออกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 มากขึ้น

ส่วนปัจจัยที่น่าจับตา คือ นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสภาพคล่องระยะสั้นที่ตึงตัวอันเนื่องมาจากการแทรกแซงตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมา

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET โดยระบุว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,335-1,365 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน

ประกอบกับคาดว่านักลงทุนจะติดตามการ Preview งบไตรมาส 3/2558 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งเบื้องต้น คาดว่ากำไรจะชะลอตัวลงจากสินเชื่อหดตัวลง รวมถึงการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นตาม NPL ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ SCB KTB TISCO ที่มีการตั้งสำรองหนี้ SSI จำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม คาดว่า ครม.จะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยหนุนทิศทางการลงทุนในช่วงถัดไป จึงแนะนำ Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวกรองรับ เช่น กลุ่มส่งออก เช่น อาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเลือก SIRI PS SPALI QH และ LPN เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม จากการที่ รมว.คลังคาดจะสรุปมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ได้ภายใน 1 สัปดาห์

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มพักตัวลงอีกครั้งหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเ เช่น GDP ขั้นสุดท้ายสำหรับช่วงไตรมาส 2/2558 ขยายตัว 3.9% สูงกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.7% และสูงกว่าคาดที่ระดับ 3.7% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกล่าสุดอยู่ที่ระดับ 277,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนแล้วยาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง

ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวสหรัฐฯ ไม่มีความวิตกต่อภาวะปั่นป่วนในตลาดโลก รวมถึงความกังวลทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตราบใดที่ภาวะเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนการจ้างงาน ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจเกิดขึ้นในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือในเดือนตุลาคม หรือเดือนธันวาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาอยู่ในช่วงพักตัวลงหลังขึ้นมาตามแนวไหล่ขวาขึ้นมาใกล้จบรูปแบบหัว และไหล่ขาขึ้น ขณะที่ราคาปรับลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ด้วยการสร้างแท่งเทียนขาลง BEARISH และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับลงเป็นสัญญาณลบ ทำให้ราคาแนวโน้มจบรอบการขึ้นก่อนหน้า และมีโอกาสปรับลงต่อเพื่อสร้างแนวลงรูปแบบ DOUBLE TOP ตามมา โดยให้แนวรับ 1,105-1,100 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,145-1,150 เหรียญต่อทรอยออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น