xs
xsm
sm
md
lg

เผย 3 ปัจจัยหนุนในประเทศขับเคลื่อน SET ก่อนสิ้นปีแตะที่ระดับ 1,300 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองแนวโน้ม SET ก่อนสิ้นปีอยู่ในกรอบ 1,250-1,300 จุด คาดมีโอกาสเด้งรับนโยบายกระตุ้นบริโภค แถมมีแรงซื้อ LTF-RMF และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบปลายปีนี้ของนักลงทุนสถาบันเป็นปัจจัยหนุน

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภค ได้แก่ การให้ลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้า และบริการระหว่างวันที่ 25-31 ธันวาคมนี้ เป็นนโยบายเพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่เป็นการลดหย่อนภาษีสำหรับการท่องเที่ยว และที่พักโรงแรมในประเทศ ระหว่างวันที่ 16 ธันวคม 2557-31 ธันวาคม 2558 อีกทั้งยังมีเม็ดเงินจากการซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบปลายปีนี้ของนักลงทุนสถาบัน

ส่วนปัจจัยที่มองว่ายังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย คือ การส่งสัญญาณชัดเจนว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อ Fund flow รวมทั้งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากภาวะอุปทานล้นตลาด โดยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในปี 2559

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET โดยระบุว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,250-1,300 จุด และมีปริมาณการซื้อขายเบาบางลง เนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีเม็ดเงินจาก LTF-RMF และการทำ Window dressing ก่อนปลายปีจะเป็นแรงหนุนไม่ให้ดัชนีปรับลงลึกมาก

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มขนส่งและโรงแรม ได้ประโยชน์จากช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว และราคาน้ำมันที่ลดลง ช่วยให้ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำลง แนะนำ AOT BA AAV THAI CENTEL และ MINT เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีก ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการจับจ่ายใช้สอยปลายปี และมาตรการภาษีกระตุ้นการใช้จ่าย แนะนำ HMPRO BIGC ROBINS CPN COM7 และ SPVI

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะกังวลกรณีเฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 15-16 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% ซึ่งการปรับลงแรงของราคาทองได้ส่งผลให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลเข้ามาเก็งกำไรในทองคำ

ประกอบกับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น มีมติว่าจะยังคงใช้นโยบายในการเพิ่มฐานเงินที่อัตราราว 80 ล้านล้านเยนต่อปี ผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ และธนาคารกลางเยอรมนี เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงเล็กน้อยจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จากรายงานตัวเลขจีดีพีขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนทองคำ แต่คาดว่าจะเป็นการพักตัวช่วงสั้นก่อนขึ้นรอบใหม่ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เพราะนักลงทุนเทขายทำกำไรค่าเงินก่อนที่จะถึงเทศกาลวันหยุดยาว

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคจะฟื้นตัวจากฐานแนวรับ DOUBLE BOTTOM ด้วยการต่อยอดขาขึ้นด้วยแท่งเทียน BULLISH ขึ้นมาผ่านยืนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน และค่าสัญญาณ RSI ที่ปรับขึ้นจากการเกิดสัญญาณขัดแย้งขาขึ้น ขณะที่มีการหักล้างสัญญาณ DEAD CROSS ทำให้ราคามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อตามแนวรูปแบบ W-SHAPE โดยให้แนวรับ 1,045-1,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,100-1,105 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น