xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ เผยหุ้นไทยมีสัญญาณฟื้น แนะจับตา ธปท.รายงาน ศก. และมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยมีสัญญาณฟื้นหลังปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา มองกรอบ 1,310-1,358 จุด แนะจับตา 28 ส.ค. แบงก์ชาติรายงานภาวะ ศก.ประจำเดือน พร้อมจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เข้าทำงาน ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นปันผลสูง ด้านราคาทองมีโอกาสสร้างฐานราคาเพื่อปรับขึ้นรอบใหม่จากความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2% จากเดิม 2.9% ให้แนวรับ 1,120-1,115 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,140-1,145 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกช่วงสั้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 4.6% มีผลบังคับใช้ วันที่ 26 สิงหาคม และปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% มีผลบังคับใช้วันที่ 6 กันยายน เพื่อบรรเทาความผันผวนของตลาดหุ้นจีน และเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณชะลอตัว

ขณะที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะเริ่มเข้าทำงานในแต่ละกระทรวง โดยมีเป้าหมายจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นภายใน 3 เดือน นอกจากนี้ เรื่องของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นตัวช่วยหนุนภาคการส่งออกเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทย

ในส่วนของปัจจัยลบมาจากเรื่องของเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง ภาคเอกชนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน ทำให้การเบิกใช้สินเชื่อในภาพรวมชะลอตัวลง ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยในเดือนสิงหาคม ซึ่งมียอดสะสมราว 3.8 หมื่นล้านบาท จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 16-17 กันยายนนี้

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 28 สิงหาคม 2558 ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือน รวมทั้งในสัปดาห์หน้าการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ กลุ่มประเทศยูโรโซน และจีนที่บ่งชี้ถึงทิศทางแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจ เป็นประเด็นที่น่าติดตาม

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET โดยระบุว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีลุ้นรีบาวนด์ หลังจากที่ปรับลงแรงเมื่อต้นสัปดาห์ แต่การปรับขึ้นยังมีกรอบจำกัดจากปัจจัยลบในเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน และแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น คาดว่า SET จะผันผวนในกรอบที่ 1,310-1,358 จุด

ทั้งนี้ แนะนำซื้อเล่นรีบาวนด์ในกรอบดังกล่าว โดย Selective Buy กลุ่มหุ้นที่มีปันผลสูง เช่น KTB, ADVANC, INTUCH รองลงมาเป็นกลุ่มส่งออก ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น กลุ่มอาหาร แนะนำ CPF, TUF และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, DELTA, HANA, SVI

นอกจากนี้ ยังแนะนำกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และสายการบิน รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยว และโรงแรม หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มเติมมองว่าเป็นจังหวะซื้อสะสมในระยะยาว

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มปรับลงหลังจากปรับขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า การปรับลงเกิดจากแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.6% และได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด

ขณะที่กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา คาดว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แม้ว่าตลาดการเงิน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญต่อแรงกดดันอยู่บ้างเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ

อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการที่สำนักงานงบประมาณประจำสภาคองเกรส (CBO) ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 2% จากเดิมคาดการณ์ที่ 2.9% และจีนที่อาจจะประสบต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงหลังตลาดหุ้นปรับลงแรงอย่างต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ดังนั้น ประเมินราคาทองโลกมีโอกาสปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 วัน ด้วยการต่อยอดขาลงแท่งเทียนสัญญาณลบที่อยู่ในช่วงยอดของ V-SHAPE ขาลง ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับลง ทำให้ราคาแนวโน้มปรับลงต่อ อย่างไรก็ตาม แนวหลักยังอยู่ในแนวโน้มขึ้นสอดคล้องต่อการเรียงตัวเส้น 5 และ 10 วันที่เป็นแนวโน้มขึ้น ทำให้การลงจะไม่แรงมาก และมีโอกาสสร้างฐานราคาเพื่อปรับขึ้นรอบใหม่ โดยให้แนวรับ 1,120-1,115 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,140-1,145 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น