xs
xsm
sm
md
lg

หลายปัจจัยกดดันหุ้น แนะทยอยซื้อสะสม คาดราคาทองมีโอกาสฟื้นตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ปัญหาหนี้กรีซมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น โดยล่าสุด ได้ชำระหนี้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จำนวน 6.25 พันล้านยูโรแล้ว และที่ประชุมรัฐสภากรีซมีมติอนุมัติมาตรการปฏิรูปด้านการธนาคาร และกระบวนการยุติธรรมตามข้อตกลงที่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราส ทำไว้กับกลุ่มประเทศเจ้าหนี้ ขณะที่มีรายงานจากธนาคาร ANZ Bank ในจีนประเมินว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนเปิดทางให้ธนาคารกลางจีนสามารถดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินได้มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ราวไตรมาส 3/58 และลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 1% ภายในสิ้นปีนี้

ส่วนปัจจัยในประเทศที่จะกดดันดัชนีในขณะนี้มาจากภาวะเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะขยายตัวแค่ 2.6% เพราะแรงกดดันการส่งออก และปัญหาภัยแล้งที่ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง และกดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ให้ลดลงราว 0.5% นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลยิ่งเป็นแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมากขึ้น

ประกอบกับแผนลงทุนเมกะโปรเจกต์ล่าช้า โดยโครงการที่เหลือกว่า 7.3 แสนล้านบาท จะยกยอดประมูลไปในปี 59 ทำให้ภายในปลายปี 58 จะมีการดำเนินการเพียงแค่โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางพัทยา-มาบตาพุด น่าจะเปิดประมูลก่อน และโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย ที่มีเม็ดเงินลงทุนกว่า 9.5 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก แนะนำว่า ปัจจัยลบจากความกังวลเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวเนื่องจากภาคการส่งออกติดลบ ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงแผนลงทุนเมกะโปรเจกต์ล่าช้า กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนโดยตรง อีกทั้งการที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะส่งผลให้กระแส Fund flow ของนักลงทุนต่างชาติไหลออก

อย่างไรก็ตาม การประกาศงบการเงินในช่วงไตรมาส 2/58 ของกลุ่มธนาคารที่หดตัวลงไม่มากนัก และมีหลายธนาคารที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้สถานการณ์ลงทุนไม่เลวร้ายมากนัก

ดังนั้น ประเมินว่า SET จะปรับตัวลง โดยมีโซนแนวรับที่บริเวณ 1,425-1,430 จุด ซึ่งเป็นจุดที่สามารถทยอยซื้อสะสมตามสัญญาณเทคนิคจากภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป) ทั้งนี้ แนะนำซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ออกมาดี เช่น PTTGC, BCP, TOP, THCOM, STPI, FSMART, MTLS, AAV, SYNEX กลุ่มสื่อสาร ADVANC, INTUCH ที่ได้รับผลดีจากความคืบหน้าการประมูล 4G และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีเด่น กลุ่มส่งออก อาหาร อิเล็กทรอนิกส์ ได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่อ่อนค่ากว่า 2% จากสัปดาห์ก่อน และกลุ่มเดินเรือแนะนำ TTA, PSL ค่าระวางเรือขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองได้รับแรงกดดันหลัง นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เน้นย้ำในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีการขยายตัว และระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง

สอดคล้องต่อ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ที่เห็นว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน โดยมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ 50% ซึ่งสอดคล้องต่อการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อราคาทอง ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มลดการถือครองทองคำ และหันไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงรวมถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ดังนั้น ประเมินว่า ราคาทองแนวโน้มหลักยังแกว่งตัวอยู่ในช่วงขาลง จากแนวต้านสัญญาณ DEAD CROSS ยังคงกดดันอยู่ ทำให้ราคาทองปรับลงต่อ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการลงจะไม่แรงมาก และมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นจากแรงหนุนภาวะลงแรงมากเกินไป และค่าสัญญาณ RSI ลงมาในเขต OVER SOLD อย่างมาก แต่จะปรับขึ้นไม่มากเนื่องจากแนวโน้มลงยังกดดันอยู่ แนวรับ 1,075-1,070 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนวต้าน 1,115-1,120 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น