“ไพบูลย์” เผยการโรดโชว์ยุโรป นักลงทุนต่างชาติจับตาการลงทุนภาคเอกชนเป็นหลัก หากยังไม่ฟื้นตัวยังชะลอการเข้าลงทุนในไทย แนะรัฐบาลต้องเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เอกชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องกระจายไปทุกเซกเตอร์ ไม่ใช่กระจุกตัวแค่บางกลุ่ม
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวในการเสวนา “รู้ทันตลาดผ่าน Sentiment ของผู้ลงทุน” โดยระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มทรงตัว และเคลื่อนไหวในขาลงมากกว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว และยังมีความล่าช้าในการดำเนินนโยบาย และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ จากการไปโรดโชว์ยุโรป พบว่า นักลงทุนต่างประเทศติดตามการลงทุนของภาคเอกชนเป็นหลักซึ่งขณะนี้ฟื้นตัวช้า ทำให้นักลงทุนต่างประเทศยังไม่กล้ามาลงทุนในไทยมากนัก และยังขาดความเชื่อมั่น หากเห็นสัญญาณการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางดีขึ้น เชื่อว่าต่างชาติจะหันกลับมาลงทุนในไทย ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญ
ขณะนี้การบริโภคในประเทศมีสัญญาณที่น่าห่วงจากรายได้เกษตรกรที่ลดลง และหนี้ครัวเรือนที่ยังกดดันอยู่ ซึ่งหากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยอาจจะโตต่ำกว่าร้อยละ 3 ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เอกชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องกระจายตัวมาในภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกด้วย ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ที่ภาคท่องเที่ยวเท่านั้น
“ตอนนี้ต่างประเทศพร้อมซื้อหุ้นไทย เพราะขณะนี้ต่างชาติมีหุ้นไทยในพอร์ตน้อย คงรอเพียงสัญญาณเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้นชัดเจน และการดำเนินโครงการภาครัฐที่เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม ต่างชาติพร้อมขนเงินมาลงทุนไทยแน่นอน”
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด แนะนำให้นักลงทุนลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายสินทรัพย์ในหลายประเภท และหากลงทุนในกองทุนหุ้นก็ให้ขายทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้น ภาวะตลาดหุ้นไทยในปีนี้เป็นปีที่ลงทุนลำบาก เพราะทิศทางหุ้นไทยเคลื่อนไหวตามสภาพคล่องที่เข้ามาในตลาดที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายการลงทุนในสินทรัพย์
นายจอน วงศ์สวรรค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าเฮดจ์ฟันด์ สายงานบริหารเงินลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะเป็นกลาง โดยปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังกดดันตลาดต่อไป
สถาบันวิจัยพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดทำดัชนีชี้วัดทัศนคติผู้ลงทุน (Investor Sentiment Index) โดยใช้ฐานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ย้อนหลัง 16 ปีเป็นหลัก เพื่อสังเกตข้อมูล และพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยดัชนีชี้วัดทัศนคติในเดือนมิถุนายน 2559 เป็นครั้งแรก เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการลงทุนในระยะยาว ควบคู่กับการพิจารณาราคาหุ้น และพื้นฐานของหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ดัชนีชี้วัดทัศนคติผู้ลงทุนมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดยหากอยู่ระหว่าง 30-70 แสดงว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ในระดับปกติ และหากมีค่าอยู่ระหว่าง 70-90 และ 10-30 แสดงความความเชื่อมั่นอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างสูง และหากอยู่ในช่วง 90-100 และ 0-10 แสดงความความเชื่อมั่นอยู่ในเชิงบวก หรือลบมากผิดปกติ ให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน