xs
xsm
sm
md
lg

ศก.โลกไม่ฟื้นดี Fed ชะลอขึ้น ดบ. ฟิลลิปแนะกระจายลงทุนทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฟิลลิปมองเศรษฐกิจโลกยังไม่สดใสมาก Fed อาจชะลอขึ้นดอกเบี้ย แนะกระจายการลงทุนทั่วโลกทั้ง ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ทยอยเข้าลงทุนเมื่อตลาดย่อตัว แนะกองทุน T-PrimeLowBeta, TMBGQG, TMBCOF

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนว่า สัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1% โดยมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางในช่วงก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ แต่ระหว่างช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์จีนได้ประกาศตัวเลขนำเข้า-ส่งออกที่ดีเกินคาดอย่างมาก ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นค่อนข้างแรงก่อนจีนจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ที่ 6.7% ซึ่งแม้จะอยู่ในระดับที่คาดการณ์ แต่ตัวเลขที่ลดลงกว่า GDP ครั้งก่อนหน้าที่ 6.8% ก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่จำกัด upside ตลาดหุ้นในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของทั้งสัปดาห์โดยรวมยังเพิ่มขึ้น NKK225 +6.49% Hang Seng +4.64% STOXX600 +4.14% DJIA+1.82%

สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น สหรัฐฯ แม้โดยรวมตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะออกมาค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมา แต่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังดูมีแนวโน้มไม่สดใสนัก ทำให้ FED น่าจะคงดอกเบี้ยไปก่อนในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะทยอยออกมานั้นไม่น่าจะดีนัก แนะนำนักลงทุนรอดูสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุนหุ้นสหรัฐฯ

ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป แนะนำรอดูผลการประชุม ECB ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ คาดไม่มีการกระตุ้นเพิ่มซึ่งอาจทำให้ตลาดมีการย่อตัวลงได้บ้าง และหากตลาดมีการย่อตัวลง แนะนำนักลงทุนที่สามารถลงทุนในหุ้นยุโรปได้เกิน 1-3 ปี ทยอยสะสมเช่นเดียวกันกับญี่ปุ่น หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนโดยรวมที่ออกมาดีกว่าคาด และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นที่ส่งผลให้นักลงทุนเชื่อว่ารัฐบาลอาจเลื่อนการขึ้น VAT ในช่วงต้นปีหน้าออกไป จึงแนะนำให้นักลงทุนที่ลงทุนได้เกิน 1-3 ปีเข้าทยอยสะสม หากตลาดมีการย่อตัวลงทยอยสะสม

ส่วนตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนล่าสุดเริ่มออกมามีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น Fund Flow เริ่มไหลออกน้อยลง GDP ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาแม้จะชะลอตัวลงแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่คาดไว้ เราเชื่อว่าจีนจะไม่เกิดปัญหา Hard Landing และแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจจะได้ผล จึงแนะนำนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ 3-5 ปีขึ้นไปทยอยลงทุนธีม China New Economies ในกองทุน TMBCOF

ทั้งนี้ ผลประกอบการไม่น่าจะออกมาดี หลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะสั้นไปก่อนแม้สัปดาห์ก่อนตัวเลขนำเข้า-ส่งออกจากจีนจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกในขณะที่ SET Index ปิดทำการ แต่ในระยะนี้เรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวลดลงจากผลประกอบการไตรมาส 1 ที่จะทยอยออกมาในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ซึ่งคาดการณ์ว่าจะไม่ดีนัก รวมถึงการเจรจาการตรึงกำลังการผลิตจากผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกที่ล้มเหลว ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในระยะนี้ ดังนั้นเราจึงแนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในกองทุนหุ้นไทยออกไปก่อน สำหรับระยะกลาง-ยาว แนะนำลงทุนในกองทุนธีม lowbeta ซึ่งมีความผันผวนตามตลาดในระดับตํ่า

ด้านราคาทองคำ คาดว่าราคาทองคำในระยะนี้จะเคลื่อนตัวในกรอบ Sideway เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะสนับสนุนการขึ้น-ลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมัน สำหรับการลงทุนระยะยาว เราแนะนำให้มีสัดส่วนกองทุนทองคำเพียงเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยมีสัดส่วนไม่เกิน 5-10% ของพอร์ตการลงทุน ส่วนภาวะนํ้ามันตอนนี้ หากมองปัจจัยพื้นฐาน หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา การประชุมระหว่างผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกในประเด็นกำลังตรึงกำลังการผลิตน้ำมันคว้าน้ำเหลว ทำให้เราเชื่อว่าอาจทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อราคาน้ำมันในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม ในมุมมองทางเทคนิค ราคาน้ำมันยังไม่หลุดกรอบขาขึ้นระยะสั้น เราจึงแนะนำให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน หากราคาน้ำมันลงมาที่ USD 35 ต่อบาร์เรล

สำหรับกองทุนที่ฟิลลิปแนะนำ ได้แก่ กองทุนหุ้นไทยแบบ Active อื่นๆ ที่น่าสนใจ อย่าง T-PrimeLowBeta โดยความน่าสนใจคือ กองทุนจะลงทุนในหุ้นที่เคลื่อนไหวตามตลาดค่อนข้างตํ่า (ค่า Beta ไม่เกิน 1 เมื่อเทียบกับตลาด) อยู่ในพอร์ตการลงทุน จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตในภาวะตลาดผันผวน เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวประมาณ 3-5 ปี

นอกจากนี้ยังแนะนำกองทุน Global Equity อย่าง TMBGQG โดยมีความน่าสนใจ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่กองทุนเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีประสิทธิภาพและเติบโตในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เป็นทางเลือกในการช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตในหุ้นต่างประเทศ เหมาะสำหรับการทยอยลงทุน และลงทุนระยะยาวประมาณ 4-5 ปี และกองทุน TMBCOF ความน่าสนใจ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจากภาคการผลิตเป็นภาคบริการและการบริโภคในประเทศจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูกและมีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโดยเฉพาะหุ้น กลุ่ม H-Shares


กำลังโหลดความคิดเห็น