บล.แอพเพิล เวลธ์ ส่องตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ค.แนวโน้มผันผวนขาลง นักลงทุนจ้องถล่มขายกลุ่มแบงก์ พลังงาน สื่อสาร หลังผลประกอบการยังไม่ฟื้นตัว คาดแนวรับอยู่ที่ 1,350-1,380 จุด แนะทยอยซื้อหุ้นกลุ่มรับเหมา ชู ITD CK STEC UNIQ NWR SEAFCO PYLON ส่วนนักลงทุนที่ชอบเล่นสั้น เชียร์ซื้อ AAV AOT CPALL CPN EA IVL MAJOR THCOM คาดผลประกอบการไตรมาส 1/59 แจ่ม
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคมมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนขาลง คาดแนวรับอยู่ที่ 1,350-1,380 จุด (Forward P/E 14.5-14.8 เท่า) และแนวต้านอยู่ที่ 1,450 จุด (Forward P/E 15.5 เท่า) เนื่องจากมีความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่ม Big Cap หลังจากผ่านพ้นช่วงการจ่ายเงินปันผล ขณะที่ทิศทางผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังฟื้นตัวไม่ดีนัก โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มหลัก ธนาคาร พลังงาน สื่อสาร และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะกลับมาผันผวนอีกครั้ง กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย
“ผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคาร 9 แห่งใน Coverage ของฝ่ายวิจัยในงวดไตรมาส 1/59 ผลประกอบการ +9% (QoQ) แต่ลดลง -10% (YoY) และยังมีความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงความกังวลภาระสํารองหนี้เสีย กลุ่มพลังงานทิศทางผลประกอบการคาดฟื้นตัว (QoQ) แต่ยังลดลง (YoY) และยังต้องรอประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ให้บริการคลื่นมีแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ลดลงเฉลี่ย -20% (YoY) จากปัจจัยผลประกอบการของหุ้น 3 กลุ่มหลักดังกล่าวยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก เป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนขาลง” นายอภิชัย กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นแถบอาเซียน TIP ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยขายสุทธิหุ้นไทย จํานวน -85 M.USD. ขายสุทธิหุ้นอินโดฯ จํานวน -9.2 M.USD. และขายสุทธิหุ้นฟิลิปปินส์ จํานวน -48 M.USD. ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลเข้าเก็งกําไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตร โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แต่ภาพโดยรวมฝ่ายวิจัยยังประเมินทิศทาง Fund Flow ยังเป็นบวกต่อการลงทุน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังชะลอตัวในไตรมาส 1 นี้ขยายตัวเพียง 0.5% (YoY) และแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ คาดจะยังไม่เกิดในช่วงครึ่งปีแรกนี้
กลยุทธ์การลงทุนแนะนําทยอยซื้อหุ้นกลุ่มรับเหมาที่คาดจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินก่อสร้างภาครัฐที่จะเริ่มดําเนินการในครึ่งปีหลัง เช่น ITD CK STEC UNIQ NWR SEAFCO PYLON และเก็งกําไรระยะสั้นในหุ้นที่คาดจะรายงานผลประกอบการ 1Q59 ฟื้นตัวดี เช่น AAV AOT CPALL CPN EA IVL MAJOR THCOM
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคมมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนขาลง คาดแนวรับอยู่ที่ 1,350-1,380 จุด (Forward P/E 14.5-14.8 เท่า) และแนวต้านอยู่ที่ 1,450 จุด (Forward P/E 15.5 เท่า) เนื่องจากมีความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่ม Big Cap หลังจากผ่านพ้นช่วงการจ่ายเงินปันผล ขณะที่ทิศทางผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังฟื้นตัวไม่ดีนัก โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มหลัก ธนาคาร พลังงาน สื่อสาร และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะกลับมาผันผวนอีกครั้ง กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย
“ผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคาร 9 แห่งใน Coverage ของฝ่ายวิจัยในงวดไตรมาส 1/59 ผลประกอบการ +9% (QoQ) แต่ลดลง -10% (YoY) และยังมีความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงความกังวลภาระสํารองหนี้เสีย กลุ่มพลังงานทิศทางผลประกอบการคาดฟื้นตัว (QoQ) แต่ยังลดลง (YoY) และยังต้องรอประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ให้บริการคลื่นมีแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ลดลงเฉลี่ย -20% (YoY) จากปัจจัยผลประกอบการของหุ้น 3 กลุ่มหลักดังกล่าวยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก เป็นแรงกดดันให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนขาลง” นายอภิชัย กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นแถบอาเซียน TIP ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยขายสุทธิหุ้นไทย จํานวน -85 M.USD. ขายสุทธิหุ้นอินโดฯ จํานวน -9.2 M.USD. และขายสุทธิหุ้นฟิลิปปินส์ จํานวน -48 M.USD. ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลเข้าเก็งกําไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตร โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แต่ภาพโดยรวมฝ่ายวิจัยยังประเมินทิศทาง Fund Flow ยังเป็นบวกต่อการลงทุน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังชะลอตัวในไตรมาส 1 นี้ขยายตัวเพียง 0.5% (YoY) และแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ คาดจะยังไม่เกิดในช่วงครึ่งปีแรกนี้
กลยุทธ์การลงทุนแนะนําทยอยซื้อหุ้นกลุ่มรับเหมาที่คาดจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินก่อสร้างภาครัฐที่จะเริ่มดําเนินการในครึ่งปีหลัง เช่น ITD CK STEC UNIQ NWR SEAFCO PYLON และเก็งกําไรระยะสั้นในหุ้นที่คาดจะรายงานผลประกอบการ 1Q59 ฟื้นตัวดี เช่น AAV AOT CPALL CPN EA IVL MAJOR THCOM