xs
xsm
sm
md
lg

“ณ วรางค์” ขุดที่ดินสะสมหลังสวน 1 ไร่ ผุดคอนโดเจาะกลุ่มเศรษฐีมูลค่า 1.2 พันล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภิภู พรหมโยธี
ตระกูลเก่า “พรหมโยธี” ขุดที่ดินสะสมติดถนนหลังสวนผุดโปรเจกต์หรู “ณ วรางค์ เรสซิเดนซ์” คอนโดโลว์ไรส์ 97 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าเศรษฐีที่ต้องการที่อยู่อาศัย-ลงทุนระยะยาวในซอยหลังสวน ด้าน CBRE ระบุโครงการในซอยหลังสวนแบบขายขาดกรรมสิทธิ์การถือครองหาไม่ได้อีกแล้ว เชื่อลูกค้ากระเป๋าหนักสนใจซื้อเก็บ และลงทุนระยะยาวเพียบ

นายอภิภู พรหมโยธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ณ วรางค์ แอสเซท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการบ้าน ณ วรางค์ ซอยหลังสวน กล่าวว่า ได้นำที่ดินสะสมของตระกูล ขนาดพื้นที่ 1 ไร่ 7 ตารางวา (ตร.ว.) ในซอยหลังสวน ออกมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น จำนวน 97 ยูนิต ภายใต้ชื่อ “ณ วรางค์ เรสซิเดนซ์” ราคาขายเฉลี่ย 2.3 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) หรือราคาต่อยูนิตเริ่มต้น 9 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนที่ 800 ล้านบาท และมีมูลค่าขายรวม 1,200 ล้านบาท โดยจะเปิดให้ลูกค้าจองในวันที่ 5 มีนาคมนี้

สำหรับบริษัท ณ วรางค์ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยเมื่อ 15 ปีก่อนหน้าได้พัฒนาโครงการบ้าน ณ วรางค์ ในซอยหลังสวน 1 โครงการ และยังมีการพัฒนาอาคารสูง เช่น อาคาร portico ติดถนนหลังสวน ซึ่งเป็นอาคารปล่อยเช่า ส่วนแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวของบริษัทนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และการติดตามดูการตอบรับของโครงการ ณ วรางค์ เรสซิเดนซ์ ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง โดยบริษัทยังมีที่ดินสะสมอีกหลายแปลงกระจายตัวอยู่ในทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็นของผู้ถือหุ้น เช่น ที่ดินริมถนนสุขุมวิท และหากจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ในเร็วๆ นี้ อาจจะมีการพิจารณานำที่ดินแปลงดังกล่าวออกมาพัฒนาโครงการในอนาคต

“สำหรับโครงการ ณ วรางค์ เรสซิเดนซ์ จะพัฒนาเป็นห้องชุดอยู่อาศัย 97 ยูนิต มีแบบห้องให้เลือก 3 แบบ คือ ขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 2 ห้องนอน และดูเพล็กซ์ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 40-120 ตร.ม. โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA คาดว่าไตรมาส 3 จะแล้วเสร็จ และเริ่มก่อสร้างในปลายปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561”

น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE กล่าวว่า ปัจจุบันที่ดินในซอยหลังสวนที่นำออกมาพัฒนาโครงการแบบขายกรรมสิทธิ์ในการถือครองนั้นหายากมาก โดยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีเพียงโครงการนิมิตรหลังสวน และโครงการนี้เท่านั้นที่เป็นโครงการใหม่แบบขายกรรมสิทธิ์ ส่วนที่เหลือเป็นการขายสิทธิการเช่าระยะยาว 30 บวก ทำให้โครงการเกิดใหม่ในซอยหลังสวนเป็นที่ต้องการของตลาด และลูกค้าในกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย และนักลงทุนอย่างมาก

“ที่ผ่านมา ห้องชุดของโครงการในซอยหลังสวนมีเพียง 8 โครงการ จำนวน 1,140 ยูนิต และแทบไม่มีห้องที่ถูกนำกลับมารีเซล ขณะที่ราคาขายต่อก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยระดับราคาที่ปรับตัวขึ้นต่อปีอยู่ที่ 15,000-18,000 ต่อ ตร.ม. หรือปรับขึ้นปีละ 7% ส่วนอัตราค่าเช่าก็มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องประมาณ 5% ต่อปี ด้านผลตอบแทนจากการเช่าก็อยู่ในอัตราที่สูงโดยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.5-5% ต่อปีถือว่าสูงมากสำหรับห้องชุดที่มีราคาต่อ ตร.ม.ระดับ 200,000 บาทต่อ ตร.ม.ขึ้นไป”

สำหรับโครงการนี้ CBRE ในฐานะของบริษัทที่ทำหน้าที่บริหารการขายคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลา 2-3 เดือน โดยขณะนี้มีลูกค้าลงทะเบียนแสดงความสนใจโครงการแล้วกว่า 400 ราย ส่วนใหญ่เป็นคนไทยซึ่งต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวในสัดส่วน 50-50%


กำลังโหลดความคิดเห็น