“ชีวาทัย” เดินหน้าลงทุนปี 59 รุกเปิดโครงการแนวราบเป็นครั้งแรก ปักธงโซนรังสิต-คลอง 1 ปั้นแบรนด์ใหม่ ทำราคา 4-5 ล้านบาท พร้อมโครงการแนวสูง แย้มอาจมีเพิ่มอีก เตรียมเข้ากระจายหุ้นในตลาด เอ็ม เอ ไอ คาดดำเนินการได้ มี.ค.59 ส่วนไตรมาส 4 ยอดโอนจะสูง หลักๆ มาจากโครงการชีวาทัยบางโพ และแบรนด์ฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการชีวาทัย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ได้มีการปรับแบรนด์ชีวาทัยให้เข้าถึง และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งทางบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 4 โครงการ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปิดการขายไปแล้ว 3 โครงการ
โดยในปีนี้ ชีวาทัย ให้ความสำคัญต่อ 2 โครงการ คือ โครงการชีวาทัยบางโพ คอนโดมิเนียม 1 อาคาร สูง 24 ชั้น จำนวน 172 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,040 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโอนให้ลูกค้าประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี 2559 ราคาขาย 3.9 ล้านบาท ราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.) 1.2-1.4 แสนบาท/ตร.ม. เนื่องจากขนาดพื้นที่ของห้องชุดจะขนาดใหญ่ประมาณ 30 กว่า ตร.ม. ซึ่งในบริเวณดังกล่าวจะมีโครงการของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หลายโครงการ ระดับราคา 60,000-80,000 บาทต่อ ตร.ม.แต่จะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับแมส
และโครงการชีวาทัย อินเตอร์เช้นจ์ (แยกเตาปูน) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการโอนให้ลูกค้า ปัจจุบันมียอดขายกว่า 80% จากจำนวน 270 ยูนิต คาดว่าจะปิดโครงการได้ประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า
“คาดว่าในไตรมาส 4 ตัวเลขการโอนของชีวาทัยจะสูงมาก โดยหลักๆ มาจากโครงการชีวาทัย อินเตอร์เช้นจ์ และโครงการฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยโอนให้ลูกค้าแล้ว”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 59 นั้น ในเบื้องต้นทางชีวาทัย จะเปิด 2 โครงการ โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ใหม่ ย่านรังสิต-คลอง 1 บนเนื้อที่ 30 ไร่ จำนวนต่ำกว่า 100 ยูนิต เน้นลูกค้ากลุ่มบีลบ ราคา 4-5 ล้านบาท และถือเป็นโครงการแรกที่ทางบริษัทฯ มาพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทมีแผนที่เข้ากระจายหุ้นระดมทุนในตลาดเอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม
“นอกจากแนวราบแล้ว มีแผนเปิดโครงการแนวสูง 1 โครงการ ทั้ง 2 โครงการมีที่ดินรองรับแล้ว ในส่วนของแนวทางความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาโครงการะดับลักชัวรีนั้น เราก็ไม่ได้ปิดโอกาสในการทำ ซึ่งอาจจะมีผู้ร่วมทุนเข้ามา โดยระดับราคาที่ต้องมากกว่า 2 แสนบาทต่อ ตร.ม. รวมถึงโครงการในต่างจังหวัด เราก็ไม่ได้ปิดกั้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แนวทางการพัฒนาโครงการต้องพิจารณาเรื่องความคล่องตัวของการขายด้วย เนื่องจากแนวสูงใช้เวลาก่อสร้างและกว่าจะรับรู้รายได้ต้องใช้เวลาหลายปี ทั้งนี้ ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบจะอยู่ที่ 40% และแนวสูงประมาณ 60%”
ทั้งนี้ ขนาดของการพัฒนาโครงการที่เหมาะสมกับชีวาทัยอยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท และอาจจะมากขึ้นหากมีปัจจัยหนุน ทั้งนี้ ชีวาทัยก็เปรียบเหมือนบูทิก ดีเวลลอปเปอร์ ไซด์เราไม่ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเข้าตลาดก็จะแอ็กทีฟมากขึ้น มีการบริหารหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับ 1.3-1.6 เป็นต้น
