เสนาฯ เปิดตัวบริษัทลูก “เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่” ลุยธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มรูปแบบ คาดปี 59 ธุรกิจพลังงานทดแทนดันรายได้-กำไรพุ่ง ทำสถิติเป็นประวัติการณ์ วางเป้า 3 ปีกำลังการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ 100 เมกะวัตต์ หนุนสัดส่วนกำไรธุรกิจพลังงานขยับขึ้น 20-25% จากปัจจุบันกำไรที่ 10-20% เล็งนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 61 คาดปี 58 รายได้ทั้งปี 2,500 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 2,800 ล้านบาท เหตุเลื่อนเปิด 3 โครงการ ยันยอดขายปี 58 ตามเป้า 4,000 ล้านบาท หลัง 10 เดือนทำยอดขายแล้ว 3,500 ล้านบาท
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า หลังเปิดตัวบริษัทลูก “เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่” ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยเสนาฯ ถือหุ้น 100% โดยบริษัทดังกล่าวจะเข้ามาดูแลธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งหมด โดยมีบริษัทย่อยที่ถือหุ้นร่วมกับพันธมิตร 2 บริษัท ในสัดส่วน 50-50 คือ เสนา-บีกริม พาวเวอร์ และเสนา-เอท โซลาร์ ดำเนินธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม โซลาร์รูฟท็อป และรับติดตั้งแผงโซลาร์ และเร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัวบริษัทย่อยเพิ่มอีก1บริษัท โดยมี เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ ถือหุ้น 100% เพื่อดำเนินงานโซลาร์รูฟท็อป 750 กิโลวัตต์ ในโรงงานของเสนาฯ ที่สุขุมวิท 50
“สำหรับบริษัท โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่ ที่ดูแลธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งหมดนั้น SENA มีแผนจะผลักดันเข้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2561 ภายใต้เงื่อนไขการได้โซลาร์มาจำนวนมาก และผลประกอบเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จะต้องใช้เงินลงทุนสูง การเข้าตลาดจะทำให้สามารถระดมทุนเพื่อใช้ในการลงทุนได้ง่ายขึ้น”
ทั้งนี้ บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ ตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปี จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 100 เมกะวัตต์ จากที่ในปัจจุบันมีกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็นโซลาร์ฟาร์มที่ร่วมกับบริษัทบีกริมฯ 46.5 เมกะวัตต์ และจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนโซลาร์รูฟท็อปที่โรงงานของบริษัท 750 กิโลวัตต์ ได้เริ่มทำตลาดตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนที่เหลืออีก 50 เมกะวัตต์ จะมาจากโซลาร์ภาคเอกชน 20 เมกะวัตต์ และโซลาร์ราชการและสหกรณ์อีก 30 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการรอประกาศผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขายไฟฟ้า (PPA) ของโซลาร์ราชการและสหกรณ์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดในช่วงปลายปีนี้
ดร.เกษรา กล่าวว่า ในปี 59 เสนาฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้และกำไรจากกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ ซึ่งมีอยู่ 50 เมกะวัตต์ 300 ล้านบาท และมีกำไรที่ 50 ล้านบาท โดยสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนในปัจจุบันคิดเป็น 15-20% ของกำไรทั้งหมด และหากการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ตามแผน 3 ปี จะส่งผลให้สัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้นเป็น 20-25%
“หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้รายได้รับรู้และกำไรจากโซลาร์ในปี 59 จะส่งผลให้รายได้รวมของเสนาฯ ทะลุ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ทำสถิติใหม่ และจะทำให้กำไรสุทธิของปี 59 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท”
สำหรับปี 58 นี้ คาดว่ารายได้รวมจะยอดที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าวางไว้ 2,800 ล้านบาท กว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้เสนาฯ มีการเลือกการเปิดโครงการใหม่ออกไป 3 โครงการ นอกจากนี้ ยอดขายของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของตลาดอสังหาฯ ตั้งแต่ช่วงต้นปีด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดในปีนี้จะชะลอตัวลงแต่ บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 4,000 ล้านบาทตามเป้า ซึ่ง ณ 10 เดือนบริษัทมียอดขายแล้ว 3,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่เหลือนี้แนวโน้มตลาดอสังหาฯ เริ่มดีขึ้น หลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ คาดว่าจะส่งผลให้ลูกค้าทยอยโอนมากขึ้นไนไตรมาสสุดท้ายนี้ ซึ่งส่งผลให้เสนาฯ จะมีการโอนโครงการให้แก่ลูกค้าอีกมากกว่า 500 ล้านบาท จากยอดขายรอโอนที่มีอยู่ในปัจจุบัน 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 59